ที่มา: aic-clinic.com

ยกกระชับหน้าให้ตึง ด้วยน้ำหล่อเลี้ยงผิว (AQUA LIFT WITH SKIN BOOSTER) นวัตกรรมใหม่แบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบัน เราสามารถยกกระชับผิวหน้า และแก้ไขการหย่อนคล้อยได้ ซึ่งกําลังจะเป็นเทรนด์ใหม่ในการรักษาผิวหน้าต่อไป

 

ยกกระชับหน้าให้ตึง
ภาพจาก self.com

 

ยกกระชับหน้าให้ตึง ด้วยน้ำหล่อเลี้ยงผิว

ชั้นผิวหนังของมนุษย์ แบ่งเป็นชั้นหนังกําพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis)
ชั้นหนังกําพร้า  เป็นเพียงชั้นบางๆ ชั้นนอกสุด เป็นชั้นเซลล์ที่ตายแล้ว ที่เรียกว่าขี้ไคล ส่วนชั้นๆ อื่นมีเซลล์เรียงกันอยู่ไม่กี่แถว ไม่มีเนื้อเยื่ออื่น ไม่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง แต่รับสารอาหารหล่อเลี้ยงมาจากการซึมผ่าน  จากชั้นล่างที่เป็นหนังแท้ ความชุ่มชื่นในผิวของชั้นหนังแท้ จะช่วยให้การซึมผ่านอาหาร และออกซิเจนมาเลี้ยงชั้นหนังกําพร้าได้ดีขึ้น

 

ยกกระชับหน้าให้ตึง
ภาพจาก opentextbc.ca

 

สําหรับชั้นหนังแท้ (dermis) เป็นส่วนที่หนากว่ามาก มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยง มีความยืดหยุ่น และชุ่มชื้น โดยอาจเปรียบได้กับฟองน้ำที่มีเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ที่เป็นคอลลาเจน และเส้นใยอีลาสติน เป็นเสมือนใยฟองน้ำ และมีส่วนอุ้มน้ำเป็นสารไฮยาลูโลนิก หรือ HA นั่นเอง และเมื่ออายุมากขึ้น ระดับของสารไฮยาลูโลนิก HA ในผิวจะลดลง จากนั้น ผิวหนังจะสูญเสียคอลลาเจน และเส้นใยอีลาสตินตามมา ทําให้ผิวบางลง แห้งกร้าน และขาดความยืดหยุ่น เลือดไหลเวียนลดลง ทําให้ซ่อมแซมตัวเองไม่ดี ผิวเหี่ยวย่น ยึดยาน หย่อนคล้อยตามมา

ปัจจุบันเราพบว่า การสูญเสียสารไฮยาลูโลนิก ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงผิว เป็นตัวการหลักทําให้ผิวหนังแก่ชรา และหย่อนคล้อย การเติมสารไฮยาลูโลนิก ลงไปในผิว จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทําให้ผิวหนังหนาตัวขึ้น ทําให้ได้ประโยชน์ดังนี้ (การรักษานี้สามารถทําได้ทั้งบนใบหน้า ลําคอ เนินหน้าอก และหลังมือ)

 

ยกกระชับหน้าให้ตึง
ภาพจาก lorealparisusa.com
  • ผิวหนังจะชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ดูเงา สดใส (ตามเทรนด์ใหม่ของการรักษาผิวหน้าแบบสาวเกาหลี)
  • ผิวหนังหนาตัวขึ้น ทําให้ริ้วรอยต่างๆ ลดลง
  • ผิวหนังหนาตัวขึ้น ทําให้รอยด่างดําลดลง และรอยแดงเส้นเลือดฝอย ที่เกิดจากผิวบางเพราะการทาครีมแก้ฝ้า หรือทําเลเซอร์ จะค่อยๆหายไป
  • แผลเป็น หลุมสิว และรูขุมขนเล็กลง
  • ใบหน้าที่หย่อนคล้อยจะดูยกกระชับขึ้น

เทคนิคการเติมน้ำหล่อเลี้ยงผิว ด้วยการฉีดสารไฮยาลูโลนิก HA

สารไฮยาลูโลนิก HA นั่นก็คือสารที่เป็นตัวฟิลเลอร์นั่นเอง ดังนั้น เราจึงพบว่าในหลายๆ คนที่ใบหน้าดูอิ่ม ชุ่มชื่นขึ้นหลังจากการฉีดสารฟิลเลอร์ HA แต่เนื่องจากการฉีดลงลึก ดังนั้น ผลที่เกิดขึ้นที่ผิวหนังชั้นบนจึงน้อย และฟิลเลอร์ HA เหล่านี้ ก็ไม่สามารถนํามาใช้ฉีดที่ผิวชั้นบนได้ เพราะจะเกิดเป็นตุ่มก้อนบวมที่ผิว ดังนั้น สารไฮยาลูโลนิก HA ที่ใช้สําหรับฉีดเติมที่ผิวชั้นบน จึงต้องเป็นชนิดที่เรียกว่า Non-cross linked HA หรือเป็นชนิดที่ไม่ได้ปรับแต่งโครงสร้างโมเลกุลให้แข็งแรง ทําให้ Non-cross linked HA มีเนื้อนิ่ม และกระจายตัวแทรกไปในผิวได้เร็ว ไม่เกิดเป็นก้อนบวมที่ผิว

 

ยกกระชับหน้าให้ตึง
ภาพจาก semanticscholar.org

 

แตกต่างจากชนิดที่ฉีดลงลึก ซึ่งเป็นชนิด Cross linked (ชนิดปรับแต่งโครงสร้างโมเลกุลให้แข็งแรง) เพราะชนิดนี้ เราใช้เพื่อการฉีดเติมเต็ม และปรับโครงหน้า เราจึงอยากให้เป็นก้อนแข็ง และคงตัวได้นานๆ ใต้ผิว แต่ปัจจุบันมีตัวยาใหม่ที่เป็น Cross linked แบบน้อยๆ คือ ทําให้ยานิ่ม กระจายตัวแทรกเข้าผิวได้เร็ว แต่ยังคงตัวอยู่ในผิวได้นานๆ ทําให้ไม่ต้องฉีดเติมบ่อยๆ

สําหรับเทคนิคการฉีดนั้น สามารถใช้ทั้งเข็มปลายทู่ และเข็มคมฉีด เนื่องจากเป็นการฉีดตื้นๆ ที่ผิว จึงไม่มีอันตรายแต่อย่างใด การฉีดด้วยเข็มคม อาจฉีดเป็นหยดเล็กๆ กระจายทั่วใบหน้า เหมือนตุ่มยุงกัดเล็กๆ หรือฉีดแบบเป็นเส้นๆ (Linear) ตามแนวเข็มก็ได้ หลังการรักษา 1-2 สัปดาห์ จะพบว่าผิวหนังบริเวณที่รักษาจะดูฟูขึ้น ใบหน้าจะดูอิ่มน้ำ สดใส หากรักษาบริเวณลําคอ จะพบว่าเส้นที่คอจะลดลง ผิวหนังยืดหยุ่นดีขึ้น ส่วนหลังมือก็ดูเต็มอิ่ม รอยเหี่ยวย่นลดลง เพื่อการกระตุ้นผิวต่อเนื่อง การรักษาควรทําซ้ำใน 1-3 เดือน ต่อเนื่องกัน 3-5 ครั้ง และเมื่อรักษาต่อเนื่องจนผิวฟูขึ้นจนอยู่ตัว ก็จะพบว่าใบหน้ามีการยกกระชับขึ้น การหย่อนคล้อยของผิวจะค่อยๆหายไป

 

ยกกระชับหน้าให้ตึง
ภาพจาก allure.com

 

ผลข้างเคียง และข้อควรระวัง
การรักษาด้วยการฉีดเติมสารไฮยาลูโรนิก HA เข้าผิว ถือว่ามีความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากสาร HA เป็นสารธรรมชาติของผิวหนัง พบตามธรรมชาติทั้งในมนุษย์ สัตว์ และพืช อีกทั้งยังมีโครงสร้างทางโมเลกุลเหมือนกันหมด จึงไม่มีปฏิกริยาข้ามกลุ่ม ไม่มีการแพ้ การเกิดปฏิกริยาการแพ้หลังการฉีดสาร HA ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากตัวยาไม่บริสุทธิ์ ปนเปื้อนโปรตีนในระหว่างขบวนการผลิต ดังนั้น การเลือกใช้ตัวยาที่ดีจึงสําคัญมาก ถึงจะมีราคาแพงหน่อย แต่ก็จะปลอดภัยกว่า อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อพึงระวังจากการรักษาดังนี้

  • หากฉีดด้วยเข็มคม แม้จะฉีดตื้น ก็อาจมีรอยเขียวช้ำได้ ซึ่งจะค่อยหายไปเองภายใน 3-7 วัน
  • เนื่องจากเป็นการฉีดตื้น จึงอาจพบเป็นตุ่มเล็กๆ บนผิวได้ และเมื่อตัวยากระจายตัวออก ตุ่มก้อนจะค่อยๆ หายไป ภายใน 3-7 วัน
  • ผู้ที่มีปัญหาร่องลึก และการยุบตัวของเนื้อเยื่อชั้นลึก การฉีดแบบนี้ไม่ได้ผล ต้องใช้ฟิลเลอร์ HA ชนิด Cross linked ฉีดลงลึกเพื่อการเติมเต็ม
  • การรักษานี้ อาจช่วยการยกกระชับให้ผิวตึงขึ้น แต่ไม่อาจทําให้เกิดการยกหน้าได้ทั้งหมด โดยเฉพาะผู้ที่มีการหย่อนคล้อยมาก ยังจําเป็นต้องแก้ไข ปัญหาในทุกๆ ชั้นผิว ตั้งแต่แก้การยุบตัวของโครงกระดูกและเนื้อเยื่อ ด้วยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ HA สัมผัสกระดูก และการร้อยไหมละลายใต้ผิว เพื่อช่วยยึดผิวด้านบน เป็นต้น

……………………………………………………….

การรักษาด้วยการเติมน้ำหล่อเลี้ยงผิว ที่เป็นสารไฮยาลูโรนิก HA เข้าสู่ผิวชั้นบน เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อช่วยในการรักษาปัญหาผิวชั้นบน เพื่อแก้ปัญหารูขุมขน ผิวบาง รอยด่างดํา รอยแดง รอยหลุมสิว และริ้วรอยตื้นๆ การรักษาอาจจําเป็นต้องทําซ้ำหลายครั้ง เพื่อค่อยๆ กระตุ้นให้ผิวฟื้นตัว และสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ ซึ่งนอกจะช่วยแก้ปัญหาดังที่กล่าวมาแล้ว ยังทําให้ผิวหน้าเต่งตึง ชุ่มชื่น และเกิดการยกกระชับของผิวชั้นบนด้วย 

 

เรียบเรียงเนื้อหาโดย Dodeden.com

เรื่องน่าสนใจ