ตำรวจเมืองเชียงใหม่ ยอมล้วงกระเป๋าจ่ายเงิน 5 พันบาท จบคดี ยิง “เจ้าปี้” สุนัขพันทาง หลังไม่พอใจที่เข้าไปกัดสุนัขแสนรักของตนหลายครั้ง ด้านแม่ค้าข้าวซอยไม่ติดใจเอาความ ขณะ พนง.สอบสวนลงบันทึกประจำวัน
จากกรณีเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 พ.ค. 58 จ.ส.ต.ไพโรจน์ เทียมแสน ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ใช้อาวุธปืนยาว ยิงสุนัขพันทาง สีลายขาว-ดำ ชื่อ ปี้ ของ นางศรีวรรณ แม่ค้าข้าวซอย วิ่งหนีมาตายในบ้าน พบกระสุนปืนฝังในซี่โครงด้านซ้าย เนื่องจากไม่พอใจที่สุนัขของตนโดนสุนัขอีกตัววิ่งเข้าไปกัด ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 พ.ค. 58 พ.ต.ท.สุวิทย์ ปัญโญ พงส.สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้นัดให้คู่กรณี คือ นายอานนท์ นิลสุวรรณ อายุ 30 ปี ลูกชายของ นางศรีวรรณ นิลสุวรรณ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ถนนป่าแดด ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และ คู่กรณี จ.ส.ต.ไพโรจน์ เทียมแสน อายุ 47 ปี ตำรวจสังกัด จราจร ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ มาตกลงที่โรงพัก
เมื่อมาถึงโรงพัก ในตอนแรก ทางนายอานนท์ ซึ่งแม่ได้มอบหมายให้มาเจรจา ก็แสดงความไม่พอใจเพราะสุนัขที่ตายนั้น ครอบครัวได้เลี้ยงไว้ โดยหลังจากถูกยิงตายแล้ว ได้พาซากสุนัขไปให้คลินิกปศุสัตว์ใกล้บ้าน ผ่าเอาหัวกระสุนออกมาจากในตัวของสุนัข เพราะไม่กล้าผ่าออกเองเพราะสงสารสุนัข พร้อมกับนำหัวกระสุนปืนมามอบให้ พนักงานสอบสวน
ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ปิดห้องให้คู่กรณีเจรจากันร่วมชั่วโมงจนในที่สุดก็ตกลงกันได้ โดยทาง จ.ส.ต.ไพโรจน์ ยอมจ่ายเยียวยาค่าเสียหายให้เจ้าของสุนัขเป็นเงิน 5,000 บาท และคู่กรณีก็ไม่ได้ติดใจเอาความในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทาง พ.ต.ท.สุวิทย์ เปิดเผยว่า คดีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นคดีเรื่องทำให้เสียทรัพย์ และเป็นคดีความที่เป็นความผิดอันยอมความกันได้ และอาวุธที่ใช้ยิงสุนัขนั้นก็เป็นปืนอัดลม คู่กรณีเพียงต้องการแค่ยิงขู่สุนัขที่มากัดสุนัขของตนเองเท่านั้น เมื่อคู่กรณีทั้งสอง ซึ่งมีบ้านและรั้วติดกันและต่างฝ่ายก็ต่างเลี้ยงสุนัขด้วยกัน ได้ปรับความเข้าใจกันและพอใจต่อการชดใช้ค่าเสียหาย ทางพนักงานสอบสวนจึงได้บันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่คู่กรณีทั้งสองจะแยกย้ายต่างคนต่างกลับบ้าน