“ไฮโซน้ำหวาน” เผยถูก “แนน” น้องสาว “หนิง ปณิตา” ใช้มือถือฟาดเข้าที่หน้าทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องหรือทะเลาะวิวาทอะไรกัน แต่ไม่ได้ตอบโต้กลับ เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ต้องการคำขอโทษของคู่กรณีแค่อย่ามายุ่งกันก็พอ
เรื่องราวพิพาทของ “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ” กับ “ไฮโซน้ำหวาน วรพรรณ พันธุ์คงชื่น” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทั้งหนิงและไฮโซน้ำหวานต่างก็ออกมาบอกว่า ขอให้เรื่องทุกอย่างจบต่างคนต่างอยู่ แต่ล่าสุดก็เกิดเหตุขึ้น เมื่อหนิงและ “แนน” น้องสาว พร้อมพวกอีก 10 กว่าคน บุกไปที่ร้านอาหารที่ไฮโซน้ำหวานทานข้าวอยู่ และแนนได้ใช้มือถือตบที่หน้าน้ำหวาน ก่อนที่ตัวเองจะไปกองกับพื้นและอ้างว่าโดนน้ำหวานทำร้าย เรื่องนี้ทำเอา “อำไพพรรณ พันธุ์คงชื่น” แม่ของไฮโซน้ำหวานทนไม่ไหวร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ บอกทำอย่างนี้เกินไปจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ถามกลับหนิงเป็นแม่คนเหมือนกันถ้าลูกตัวเองโดนทำแบบนี้บ้างจะรู้สึกอย่างไร
“วันนี้น้ำหวานมาเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลเป็นจังหวะที่คุณแม่หลับก็เลยไปทานข้าวกับเพื่อนตามปกติ เขาก็นั่งทานข้าวกับเพื่อนตามปกติ แล้วทางหนิงกับแนนก็ตรงรี่มาที่น้ำหวานและใช้โทรศัพท์มือถือตีมาที่หน้าน้ำหวาน น้ำหวานก็ยืนงงแต่ตัวแนนพอทำเสร็จลงไปกองกับพื้นดิ้นร้องโดนน้ำหวานทำร้าย ซึ่งการที่ใช้โทรศัพท์มือถือที่เป็นเหล็กมันเป็นอาวุธมาทำร้ายกันขนาดนี้มันไม่สมควร น้ำหวานเองก็ไม่ได้ไปทำอะไรมันจบสิ้นไปแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง คนที่ไปกินข้าวกับน้ำหวานก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา น้ำหวานไม่ได้รู้ตัวเลยแต่กิริยาที่ตรงกันข้ามคือ ทำร้ายน้ำหวานเสร็จลงไปดิ้นอยู่กับพื้นแล้วบอกถูกน้ำหวานทำร้าย”
“จะเรียนให้ทราบว่าตัวน้ำหวานเองไม่คิดอยากจะเป็นข่าวและบอกให้คุณแม่เงียบๆ ได้ไหม แต่อยากจะถามคนที่เป็นแม่หน่อย เมื่อลูกสาวตัวเองถูกแบบนี้จะรู้สึกยังไง เราเลี้ยงมาเล็บข่วนนิดเดียวก็ไม่เคยนิดนึงก็ไม่มี ถามหัวอกคนที่เป็นแม่ทุกคนในโลกนี้ ลูกสาวบอกไม่เอาเรื่องแต่แม่จะเอาเรื่องและจะโดนประณามว่าไปทำอะไรให้เป็นเรื่องใหญ่โตแม่ก็ยินดีรับตรงนี้ แต่อยากให้สังคมช่วยดูแลน้ำหวานด้วย น้ำหวานไม่เคยไปยุ่งอะไรกับใครก็อยู่ที่บ้านมาเยี่ยมคุณแม่ป่วยอยู่โรงพยาบาล จากนั้นก็ไปกินข้าวกับเพื่อนซึ่งอยู่ใกล้ๆ โรงพยาบาลมันเป็นกิจกรรมของเขาทุกวัน เขาไม่ได้ยุ่งอะไรกับใคร เขารอให้คุณแม่ตื่นแต่เราพึ่งออกจากห้องผ่าตัดยังมึนยาอยู่ เขารอจนหิวข้าวเลยไปทานข้าวกับเพื่อนและก็เกิดเหตุการณ์”
“กลุ่มที่ทำเป็นกลุ่มหนิงกับแนนมากัน 10 กว่าคนและก็ทำแบบนี้ ข้อเท็จจริงต่างๆ เขาจะพูดอย่างไรก็คงจะพิสูจน์ไปตามพยานหลักฐานและข้ออ้างอิงต่างๆ และนี่เป็นข้อเท็จจริงของเราทั้งหมด คนเห็นเหตุการณ์ก็เยอะเพื่อนของน้ำหวานก็เดินไปพูดกับหนิงและไล่หนิงออกจากร้านไป”
“ตอนนี้น้ำหวานอยู่โรงพยาบาลมาถึงเขาก็ร้องไห้ เขาไม่อยากเป็นข่าวเขากลัวสื่อ เขาไม่อยากมีตัวเองอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่แม่ไม่ยอมเพราะถ้าปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปก็จะเหิมเกริมมากกว่านี้จะต้องมีการกระทำที่รุนแรงมากกว่านี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการกระทำ แต่มากระทำผ่านที่คุณแม่ในขณะที่ป่วยอยู่โรงพยาบาล”
“เราเห็นสภาพลูกเราแล้วรับไม่ได้จะเป็นลม เราไม่เคยเห็นลูกเราในสภาพแบบนี้หน้าเขาไม่เคยเป็นแผลแบบนี้ รับไม่ได้จริงๆ ที่ลูกโดนแบบนี้ ตอนนี้แผลก็ทั้งเขียวทั้งช้ำและเปลี่ยนสีเป็นวงกว้างออกไปอีก คิดว่าคุณแม่ในโลกนี้ทุกคนคงจะรับไม่ได้ถึงจะแผลเล็กกว่านี้ก็รับไม่ได้ยังไงก็รับไม่ได้ การถูกด่ามันก็รับไม่ได้แล้วนี่ถูกทำร้ายร่างกายมันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะคะกฎหมายบ้านเมืองมีนะคะ ถ้าไปถูกตาเขาแล้วตาบอดขึ้นมาล่ะคะ”
“เห็นแล้วโมโหมากทั้งๆ ที่เป็นคนที่ใจเย็นมากๆ แต่เห็นหน้าลูกแล้วน็อตหลุดเลย บอกตรงๆ ระงับไม่อยู่ทั้งโมโหทั้งเสียใจเป็นลมเลย ขอให้สังคมช่วยเถอะค่ะเพราะไม่มีใครจะช่วยได้แล้ว(เสียงสั่นร้องไห้) เพราะว่าเราหนีคนพาล เราไม่คบคนพาล เราไม่เผชิญหน้า เราหนีแล้วเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวคุณเลยด้วยประการทั้งปวง คุณเองก็ประกาศว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันทุกอย่าง คือทุกอย่างมันจบไปหมดแล้วทำไมไม่จบกันซักทีคะ ขอฝากถามว่าทำไมคุณไม่ยอมจบ ถ้าไม่ยอมจบก็ขอใช้กฏหมายมันเกินไปทำร้ายร่างกายลูก ถ้าวันนี้เราไม่แจ้งความครั้งหน้ามันต้องหนักกว่านี้แน่นอนค่ะ”
“อยากให้คนอื่นได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเขาทำอะไรกับเขา บางคนอาจจะบอกว่าเงียบๆ ไปเถอะให้ข่าวจบๆ ไปเถอะ แต่ครั้งนี้ไม่ได้ค่ะ ที่ผ่านมาไม่เคยโต้ตอบหรือใช้คำพูดกระทบกระเทียบอะไร นักข่าวโทรมาขอสัมภาษณ์เราก็ยังไม่พูดไม่เอาไม่ตอบแล้วแต่ใครจะคิด แต่ตอนนี้มันหนีไม่ได้เพราะน้ำหวานมีบาดแผลถือเป็นการทำร้ายร่างกาย จะต้องเอาเรื่องจนถึงที่สุด ยอมไม่ได้ค่ะมีลูกสาวคนเดียว คุณแม่ถามคุณแม่ทั้งโลกจะยอมไหมคะ ถามคนที่เป็นแม่น่ะค่ะ ขอเอ่ยคำว่า คนที่เป็นแม่รู้สึกยังไง หนิงเองเขาก็เป็นแม่ถ้ามีคนมาทำลูกเขาอย่างนั้นบ้าง เขาจะรู้สึกยังไง”
“ถ้าเขาจะมาอ้างว่าตัวเองล้มลงไปเพราะน้ำหวานทำร้ายตรงนี้ขอยืนยันว่าไม่ใช่เพราะเขาล้มของเขาลงไปเองแล้วมาตะโกนร้องว่าถูกน้ำหวานตบ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นก็บอกว่าไม่ใช่ มีพยานอยู่เยอะแยะ และกล้องวงจรปิดก็มีและก็ไม่ใช่นิสัยน้ำหวานน้ำหวานไม่ทำร้ายคนแบบนี้ไม่ใช่กิริยาน้ำหวาน ดูเป็นละครมากมีการเข้ามาตบแล้วตัวเองก็แกล้งล้มแล้วบอกว่าตัวเองถูกทำร้ายร่างกาย เขาทำแบบนั้นจริงๆ แต่สิ่งที่บ้านเราสู้ไม่ได้สู้ไม่เก่ง เพราะบ้านเราไม่ใช่นักแสดงค่ะ และก็ไม่ได้ไปดูถูกนักแสดงไม่ดีนะคะคนที่ดีเขามีอยู่เยอะค่ะ เราแยกแยะได้เพราะนักแสดงก็คืออาชีพเล่นไปตามบทออกมาจากบทก็มาเป็นคนเดิมคนดีของสังคมก็มีเยอะน่าชื่นชมตั้งหลายคน”
ไม่ขอฝากบอกอะไรไปยัง “หนิง” กับ “แนน” ขอให้สังคมช่วยพิจารณา
“ไม่ขอฝากอะไรถึงเขาค่ะ ไม่ฝากอะไรทั้งสิ้นเลย ขอให้สังคมเป็นคนตัดสินพิจารณากันดีกว่าว่าใครผิดใครถูก เพียงแต่ว่าอยากให้เขาคิดบ้าง เขาเองก็เป็นแม่คงจะมีความรู้สึกตรงนี้รักลูก ที่ผ่านมาเราอโหสิให้ด้วยวาจามโนกรรมวจีกรรม แต่นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายมันมากไปจริงๆ มันเยอะเกิน ด้วยสัญชาตญานพ่อแม่เราต้องรักลูกกันทุกคน เห็นหน้าลูกแล้วรับไม่ได้น้ำตาร่วงสงสารเขาที่ถูกทำแบบนี้ ก็ได้แต่กอดลูกไว้อย่างเดียวว่าใครจะมาแตะลูกแม่ไม่ได้ ใครจะมาบอกว่าเว่อร์ก็ขอยอมรับแต่เพียงผู้เดียวเรารักเขามากๆ”
สำหรับบาดแผลที่ไฮโซน้ำหวานถูกทำร้าย ด้านคุณแม่ของไฮโซน้ำหวาน ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้เกิดอาการบาดเจ็บที่ดวงตามองเห็นภาพซ้อนหมอต้องให้ตรวจเช็คอย่างละเอียด และจะเข้าแจ้งความวันนี้เวลา 17.00 น. ที่สน.ทองหล่อ
ด้าน “แนน” เองก็โพสต์ภาพขึ้นอินสตาแกรมว่าถูกทำร้ายที่แขนเช่นกัน ส่วนข้อเท็จจริงทั้งหมดจะเป็นอย่างไร
Credit : http://www.manager.co.th/