เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 เข้าจับกุมนางสาวชลธิชา มารดาพิทักษ์ พร้อมพวกอีก 2 คน คือ นางสาววรรณวิมล อู่สุวรรณ์ และ นายทรงศักดิ์ ศรียางคุย หลังมีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนกับตำรวจผ่านโครงการ You’ll never walk alone ว่าถูกนางสาวชลธิชา หลอกซื้อดาวน์รถยนต์ ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ตำรวจจึงสืบสวนจนสามารถจับกุมได้ภายในห้องพักย่านประชาชื่น พร้อมพวกอีก 2 คน และยึดยาเสพติดได้จำนวนหนึ่ง
นางสาวชลธิชา รับสารภาพโดยอ้างว่ามีนายทุนเข้ามาติดต่อให้ร่วมขบวนการหลอกซื้อดาวน์รถยนต์จากผู้เสียหาย จะได้ค่าจ้างคันละ 4,000-5,000 บาท ซึ่งนายทุนยังบอกว่าคดีลักษณะนี้เป็นคดีแพ่ง ไม่ถูกดำเนินคดี สามารถยอมความได้ จึงยอมเข้าร่วมขบวนการ และตัวเองมีหน้าที่ทำสัญญาซื้อขาย เจรจาขอซื้อดาวน์รถยนต์เท่านั้น และเมื่อได้รถยนต์มาแล้ว นายทุนจะเป็นผู้นำไปส่งขายที่จังหวัดนครปฐม และบึงกาฬ
ขณะที่นางสาววรรณวิมล 1 ในผู้ต้องหา อ้างว่าเคยร่วมขบวนการหลอกซื้อดาวน์รถยนต์ และต่อมาได้เลิกทำไปแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน เนื่องจากตัวเองตั้งครรภ์
ด้าน พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพบว่านางสาวชลธิชามีการใช้ชื่อหลายชื่อ และมีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวชลธิชา รวม 9 คดี และถูกศาลออกหมายจับไปแล้ว 2 คดี สำหรับขบวนการนี้ได้ใช้ช่องว่างของกฎหมาย มาฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าแจ้งความ เพราะกลัวถูกไฟแนนซ์ดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ และขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขยายผลดำเนินคดี กับนางสาววรรณวิมล และนายทรงศักดิ์ พร้อมขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ขณะที่นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้นำผู้เสียหายมาชี้ตัวผู้ต้องหา พร้อมระบุว่า นางสาวชลธิชา มีสามีเป็นผู้คุมเรือนจำแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ และขณะนี้มีผู้เสียหายถึง 33 คน เข้าแจ้งความ มูลค่าความเสียหายกว่า 15 ล้านบาท และตัวเองได้รับแจ้งจากสายลับว่าขบวนการนี้มีนายทุนเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ทำหน้าที่นำรถยนต์ที่กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันหลอกมาจากผู้เสียหายส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ตัวเองอำนวยความสะดวกในการกระทำผิด ส่วนรถยนต์ ทราบว่าส่งขายในราคาคันละ 80,000 – 100,000 บาท พร้อมจะนำสายลับคนดังกล่าว เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจด้วย
นอกจากนี้ในส่วนผู้เสียหาย คือ นายจิระพันธ์ รมยานนท์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ตัวเองได้โพสต์ขายดาวน์รถยนต์มิตซูบิชิไทรทัน ในราคา 30,000 บาท ผ่านทางโซเชียลมีเดีย และเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีคนร้ายเป็นผู้ชายได้ติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ ขอซื้อรถยนต์คันดังกล่าว และให้ยุติการขายในโซเชียลมีเดีย ก่อนส่งผู้หญิง คือนางสาวชลธิชา มารับรถในช่วงเย็น พร้อมต่อรองราคาเหลือ 25,000 บาท ก่อนทำสัญญาซื้อขาย ซึ่งนางสาวชลธิชา ได้นำสำเนาบัตรประชาชนไว้ให้เป็นหลักฐาน พร้อมระบุว่าภายใน 1-2 วัน จะมาทำสัญญาเพื่อเปลี่ยนชื่อผู้เช่าซื้อ เนื่องจากรถยนต์ติดไฟแนนซ์ ต้องผ่อนต่ออีก 59 งวด งวดละ 6,000 บาท
นายจิระพันธ์ กล่าวว่า แต่ต่อมาไม่สามารถติดต่อนางสาวชลธิชาได้ ส่งผลให้ตัวเองต้องผ่อนรถยนต์ต่อ เนื่องจากยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อผู้เช่าซื้อ จึงฝากเตือนประชาชนที่จะขายดาวน์รถยนต์ ให้ระมัดระวัง และทำเอกสารซื้อขายที่สำนักงานของบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อความปลอดภัย