เมื่อเวลา 20.40 น. วันที่ 6 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุรถไฟบรรทุกก๊าซปิโตรเลียมเหลวของป.ต.ท. ตกรางบริเวณสะพานข้ามคลองเพรียว หรือสะพานดำ ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมทางรถไฟข้ามคลองส่งน้ำชลประทานคลองเพรียว ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี
โดยรถไฟดังกล่าวหมายเลขหัวรถจักร 4552 ลากขบวนมาจำนวน 17 โบกี้ บรรทุกก๊าซปิโตรเลียวเหลว 25,727 กิโลกรัม ความจุ 59,347 ลบ.ม. มาเต็มทุกโบกี้ โดยมีนายมานพ คงหอม เป็นพนักงานขับรถวิ่งจาก อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อจะไปส่งก๊าซยังจ.นครสวรรค์
เมื่อมาถึงสะพานข้ามคลอง รถไฟโบกี้ที่ 14 เกิดล้อหลุดทำให้อีก 3 โบกี้ตกรางติดค้างบนสะพานดำ และตัวต่อช่วงโบกี้หักหลุด 14 โบกี้ วิ่งไปได้พ้นสะพาน โชคดีที่โครงเหล็กของตัวสะพานกันโบกี้รถไฟไว้ค้างอยู่อย่างนั้น โบกี้จึงไม่ตกสะพาน
เบื้องต้นพบว่าก่อนที่ถึงสะพานดำ หมอนรางรถไฟคอนกรีตแตกหักเสียหาย 300 ท่อน คาดว่าล้อรถไฟใน 3 โบกี้สุดท้ายหรือเพลาล้อรถ คงจะหลุดจากตัวรถและเมื่อไปถึงบริเวณสะพาน ล้อจึงตกจากราง
อย่างไรก็ตาม ขบวนรถไฟต่างๆ ยังสามารถวิ่งได้ตามปกติ เพราะที่เกิดเหตุเป็นรางรถไฟคู่ จึงสับรางใช้อีกรางแทนได้ โดยสำนักงานพลังงานจังหวัด ประสานรถกู้ซ่อมแล้ว สาเหตุที่แท้จริงนั้นต้องรอการตรวจสอบที่แท้จริงอีกครั้ง
นายวัฒนา คงมั่น ผู้อำนวยการศูนย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การปิโตรเลียมนำรถบรรจุก๊าซเปล่า มารับถ่ายก๊าซจากโบกี้ที่ล้อรางหลุด โดยจะถ่ายเพียงโบกี้เดียว ส่วนอีกสองโบกี้ ไม่ต้องถ่ายก๊าซ เพราะไม่ตกราง
โดยใช้เวลาถ่ายก๊าซประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น ก็จะยกโบกี้ออกไปซ่อมและปรับแต่งรางรถไฟ ส่วนการซ่อมรางรถไฟต้องใช้เวลาประมาณ 2 วัน หมอนรถไฟเสียหาย 300 ท่อน
