พยายามเป็นสาวเฮลตี้ดูแลตัวเองที่ต้องนอนเยอะๆ ดื่มน้ำมากๆ ทุ่มเทกับการออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่งเพื่อหุ่นสวย แต่หารู้ไม่ว่า อะไรที่มันมากเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะ โดยเฉพาะ 4 ข้อสุดเยอะเว่อร์ของสาวๆ เหล่านี้ ที่มีข้อเสียแฝงอยู่มากมาย …
1. นอนมากเกินไป
จากผลการศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบความเกี่ยวข้องกันระหว่างพฤติกรรมการนอนกับโรคเบาหวานว่า คนที่นอนเกินวันละ 9 ชั่วโมง มีความเสี่ยงเป็นเบาหวานสูงขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับคนที่นอนเพียงแค่ 7 ชั่วโมง ทว่าก็ยังมีความเสี่ยงในคนที่นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงเช่นกัน
2. ดื่มน้ำมากเกินไป
น้ำเปล่าอาจจะช่วยให้ผิวพรรณคุณดูชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และกระจ่างใสขึ้นก็จริง แต่การดื่มน้ำปริมาณที่มากเกินไปในเวลาอันสั้น จะส่งผลให้ปริมาณโซเดียมในเลือดลดลงต่ำเกินขีดในสัดส่วนที่ควรเป็นได้ เรียกว่าเป็น ภาวะไฮโปนาเตรเมีย หรือในภาษากรีกแปลตรงๆ ว่า “ภาวะขาดเกลือในเลือดต่ำ” นั่นเอง ซึ่งภาวะนี้จะทำให้เกิดความผิดปกติในระบบประสาท ส่งผลให้คุณมีอาการปวดหัวรุนแรง สายตาพร่ามัว และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
หากถามว่าดื่มน้ำมากไปคือแค่ไหนกัน ? ย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 มีหญิงสาวอเมริกันคนหนึ่งแข่งกินน้ำในห้าง เพื่อชิงเกมนินเทนโดจากน้ำดื่มยี่ห้อหนึ่ง เธอดื่มน้ำถึง 6 ลิตร ในเวลา 3 ชม. นั่นทำให้เธอเสียชีวิตทันทีเมื่อถึงบ้านหลังเกิดการปวดหัวอย่างรุนแรง รวมทั้งนักศึกษาหนุ่มอีกคนในแคลิฟอร์เนียก็เสียชีวิตเช่นกัน หลังถูกโค้ชบังคับให้ดื่มน้ำมากไปหลังจากวิดพื้นอย่างหนัก
3. ออกกำลังกายมากเกินไป
ผู้เชี่ยวชาญด้านคาร์ดิโอในสหรัฐอเมริกาบอกว่า การออกกำลังกายหนักๆ ต่อเนื่องนานเกิน 50 นาที มีผลทำให้เนื้อเยื่อหัวใจยืดตัวมากเกินไป (จากการบีบตัวอย่างแรง) จนอาจเกิดเป็นแผล หรือเนื้อเยื่อขยายยืดจนจังหวะการเต้นของหัวใจเปลี่ยนไป ส่งผลให้การทำงานของหัวใจในระยะยาวมีอายุสั้นลงได้ ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังบอกอีกว่า จริงๆ แล้วการออกกำลังกายที่เหมาะสมคือ สัปดาห์ละ 3 วัน และวันละไม่เกิน 50 นาที … ถึงจะดี เพื่อให้ร่างกายได้มีการยืดหยุ่นอย่างเหมาะสม
4. ทานผลไม้หนักมากเกินไป
คนที่ไดเอทโดยเน้นทานผลไม้มากๆ ทั้งวัน ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ นักโภชนาการเตือนว่านอกจากจะต้องระวังเรื่องฟันผุ ผมร่วง กล้ามเนื้อเหลว เล็บไม่แข็งแรงแล้ว มันยังมีผลกับฮอร์โมนบางอย่างในร่างกายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปริมาณอินซูลิน กลูคากอน และโกรว์ทฮอร์โมนบางชนิด เมื่อฮอร์โมนเหล่านี้ไม่บาลานซ์ก็จะนำไปสู่โรคเบาหวาน และโรคหัวใจต่อไป
ที่มา : Cleo Thailand
