ชาวบ้านย่านรัชดาค้านเขตจตุจักรทำพิธีอัญเชิญวิญญาณ ย้ายเครื่องเซ่นไหว้ใต้ต้นโพธิ์โค้ง 100 ศพ หน้าศาลอาญา ยันเป็นความเชื่อมานานไม่ควรลบหลู่ และไม่ได้กีดขวางทางจราจร ควรปล่อยไว้เป็นสัญลักษณ์เตือนสตินักซิ่ง แต่ให้เก็บจัดให้เป็นระเบียบ

 ขณะที่เขตจตุจักรจัดคนเฝ้าเก็บตุ๊กตาม้าลายและขวดน้ำแดงบนสะพานลอยทุกวัน แต่ยังไม่กล้าเข้าไปขนใต้ต้นโพธิ์ หน.ฝ่ายความสะอาด ติดต่อพ่อหมอเมืองสุพรรณทำพิธี แต่ต้องถอยกรูด เพราะอ้างเจ้าที่แรงเรียกค่าหมอหลักหมื่น วอน “ริว จิตสัมผัส” ช่วยสื่อวิญญาณเชิญเจ้าที่ไปอยู่ที่ใหม่

EyWwB5WU57MYnKOuFNCfwE9dfUW2DEviCNJypN4mOueBhAXCRAS3pW

เขตจตุจักรเตรียมทำพิธีอัญเชิญวิญญาณ และขนย้ายเครื่องเซ่นไหว้ใต้ต้นโพธิ์โค้ง 100 ศพ หน้า ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ไปไว้ที่อื่น เพื่อให้พื้นที่เกาะกลางถนนเป็นระเบียบเรียบร้อย และป้องกันอันตรายจากคนวิ่งข้ามถนนไปไหว้ตามความเชื่อ ปรากฏว่ามีทั้งคนเห็นด้วยที่จะจัดระเบียบ และคัดค้านเพราะเป็นความเชื่อมานาน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่สะพานลอยโค้ง 100 ศพ หน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก มีคนนำเครื่องเซ่นไหว้จำนวนมาก อาทิ ส้ม แอปเปิ้ล ขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมบ้าบิ่น ขนมชั้น หมาก พลู น้ำแดง 46 ขวด น้ำส้ม 1 ขวด ม้าลาย 9 ตัว ธูปเทียน และพวงมาลัยสดนับสิบพวงมาวางเรียงรายอยู่บนกลางสะพานลอย

ต่อมานายสุพิศ ไกรมาก หัวหน้าฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ เดินทางไปตรวจความเรียบร้อยบนสะพานลอย และให้พนักงานเก็บของเซ่นไหว้ ที่มีคนนำมาวางบนสะพานออกไปใส่รถขนขยะนำไปทิ้ง

นายสุพิศ กล่าวว่า มีหน้าที่ดูแลความสะอาด จึงต้องทำตามหน้าที่ หากปล่อยไว้บนสะพานจะเกะกะทางเดินและอาจตกลงมาใส่รถข้างล่าง ส่วนตุ๊กตาม้าลายที่โคนต้นโพธิ์จะเก็บออกไปทั้งหมด เพราะปล่อยไว้นานจนผุพังเป็นขยะไม่น่ามอง จึงต้องจัดระเบียบ

เข้าใจว่าเป็นความเชื่อของคนที่นับถือ การย้ายไม่ได้ลบหลู่แต่ทำให้พื้นที่สะอาดเป็นระเบียบขึ้น ที่จริงอยากจะให้อัญเชิญเจ้าที่ตรงนี้ไปอยู่ในที่เหมาะสม คนจะได้ไหว้บูชาง่ายๆ ไม่ต้องวิ่งข้ามถนนเสี่ยงอันตราย อยากจะอัญเชิญเจ้าที่ออกไป อาจจะตั้งศาลให้ แต่ยัง ไม้รู้ว่าจะเอาไปไว้ที่ไหน เพราะต้องใช้พื้นที่นับสิบตารางวา

ตอนนี้จึงได้แต่ให้พนักงานทำความสะอาดคอยดูแลบนสะพานลอย ส่วนใต้ต้นโพธิ์ต้องรอไปก่อน เพราะให้ลูกน้องไปติดต่อพ่อหมอที่สุพรรณบุรี แต่บอกเจ้าที่แรงจะขอค่าทำพิธีหลักหมื่นบาท จึงยังต้องรอผู้ใหญ่ตัดสินใจ ถ้าไม่ทำพนักงานก็ไม่กล้าขน อยากให้คนที่สามารถทำพิธีได้โดยเฉพาะริว จิตสัมผัส จากรายการทีวีชื่อดัง เข้ามาช่วยสื่อสารหรือบอกกล่าวเจ้าที่ จะได้เอารถมาขนย้ายออกไปที่อื่น

ด้านนายเกชา ธีระโกเมน เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวว่า การก่อสร้างถนนของไทยในอดีต มาตรฐานยังไม่ได้ตามระดับสากล ที่ปกติต้องมีความลาดเอียงรับกับโค้ง อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเสียความลาดชัน ถนนประเทศไทยหลายแห่งยังมีปัญหาแบบนี้

การแก้ไขต้องตรวจสอบความลาดเอียง และปรับปรุงทำให้ ด้านซ้ายต้องสูงกว่าด้านขวาในช่วงเข้าโค้ง ส่วนพื้นถนน ต้องตรวจสอบจะให้ขรุขระไม่ได้ แต่หากเรียบไปก็หลุดโค้ง หากตรวจสอบแล้วไม่สามารถปรับแก้ไขได้ ให้กำหนดความเร็วเมื่อต้องขับผ่านช่วงนั้น ติดตั้งเครื่องกั้นทาง มีป้ายบอกเตือนหรือสัญลักษณ์ที่บอกว่าเป็นโค้งอันตราย

สำหรับเรื่องอาถรรพณ์พวกเราวิศวกรไม่เชื่อ แต่เชื่อเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยมากกว่า ทั้งนี้ ที่วิศวกรรมสถานมีวิศวกรที่เชี่ยวชาญด้านการทาง หากต้องการให้ไปเสนอความเห็นก็ยินดี

ทางด้านริว จิตสัมผัส พิธีกรชื่อดังรายการ “คนอวดผี” ทางช่อง 1 เวิร์คพอยท์ เผยว่า เรื่องการจะย้ายหรือรื้อศาลบริเวณโค้งร้อยศพบนถนนรัชดาฯนั้น แนะนำว่าไม่สมควรทำ แต่ถ้าร้องขอมาก็จะไปทำการเสี่ยงทายตามพิธีโบราณก่อนว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ศาลแห่งนั้นยินยอมหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นกรณีจะย้ายเครื่องเซ่นสังเวย ทำได้ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แค่ไปทำพิธีบอกกล่าวขออนุญาตก่อน ไม่น่ามีปัญหา

 แต่ก็ต้องถามว่าเมื่อย้ายเครื่องเซ่นสังเวยเหล่านั้นแล้วเอาไปไว้ไหน เอาไปทำอะไร มองว่าเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ เพราะเมื่อย้ายเครื่องเซ่นสังเวยออกไปอีกไม่นานก็จะมีคนนำมาถวายใหม่ กทม.จะทำอย่างไร ปัญหาเดิมก็จะกลับมาอีก ลองถามท่านกวนอูแล้ว การที่มีศาลบริเวณโค้งร้อยศพเป็นเรื่องดี เพราะศาลแห่งนี้เป็นเหมือนเป็นเครื่องเตือนสติให้คนใช้รถใช้ถนนไม่ประมาท

เมื่อคนขับรถผ่านมาถึงบริเวณนี้ซึ่งเป็นจุดอันตราย จะได้ตื่นตัวว่าเป็นโค้งอันตราย จะได้ชะลอรถให้ช้าลง เป็นเรื่องดีมากกว่าเสีย ดังนั้นศาลที่โค้งร้อยศพนี้จึงเหมือนเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่จะช่วยลดอุบัติเหตุลงได้

เมื่อถามว่าถ้า กทม.มีความคิดจะรื้อศาลแห่งนี้จริงๆ ทำได้หรือไม่ ริวกล่าวว่า ถ้าจะรื้อก็รื้อได้ ทำพิธีอัญเชิญได้ แต่ถ้าย้ายจริงๆล่ะก็ต้องให้ผู้มีวิชาด้านนี้ หรือผู้มีความรู้ด้านนี้กระทำให้ถูกต้องตามพิธี ตนทำไม่ได้ แล้วต้องสร้างศาลใหม่บริเวณนั้นด้วย ไม่ใช่รื้อทิ้งเฉยๆ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือวิญญาณที่วนเวียนอยู่บริเวณนั้นจะได้มีที่อยู่ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่มันเป็นศรัทธาของคน

ที่ดินบริเวณนั้นเดิมทีก็เป็นที่ว่างธรรมดาๆก็เหมือนรูปปั้นจากที่เป็นแค่โลหะเป็นปูนธรรมดา พอคนกราบไหว้ด้วยความศรัทธามากเข้าๆก็จะสะสมพลังงานจนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็เหมือนศาลหรือต้นไม้ใหญ่ที่คนกราบไหว้ เมื่อพลังศรัทธาของคนมากขึ้นๆ พลังงานก็มากขึ้นกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

อยากเตือนคนที่กระทำการลบหลู่ เหยียบเครื่องเซ่นเหมือนท้าทายว่าไม่ควรทำ อย่างคำกล่าวที่ว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ของแบบนี้ถ้าไม่ศักดิ์สิทธิ์คนไม่มากราบไหว้กันมากมาย ถ้าคิดจะลบหลู่หรือไปรื้อศาลโดยไม่ทำพิธีให้ถูกต้อง ตนกล้าท้าเลยว่า รับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ดี

ริวยังเล่าให้ฟังด้วยว่า ที่สถานีรถไฟบางบำหรุ ตอนที่สร้างทางรถไฟปรากฏว่ามีการรื้อศาลหลวงพ่อโตซึ่งขวางทางอยู่ทิ้งไป ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุเกิดเรื่องร้ายๆครั้งแล้วครั้งเล่า จนปัจจุบันต้องมีการสร้างศาลท่านขึ้นมาใหม่ใหญ่โต คนกราบไหว้บูชามากมาย คนมาถวายลิเกท่านมิได้ขาด

ดังนั้น การรื้อศาลบริเวณโค้งร้อยศพ ถ้าจะรื้อจริงๆก็ต้องสร้างศาลใหม่บริเวณนั้น มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องร้ายๆแน่นอน เชื่อว่าคนทำต้องถูกประชาชนก่นด่า แต่ว่าถ้าทำให้ถูกต้องตามพิธี ถ้าเกิดอะไรขึ้นคนก็จะมองว่าเกิดจากความประมาทเอง ไม่ใช่อาถรรพณ์อะไร

ที่มา ไทยรัฐ  

เรื่องน่าสนใจ