มีสมาชิกเว้บไซต์พันทิปดอทคอม ได้มารีวิวและบอกเคล็ดลับการลดน้ำหนักอีกแล้วจ้า จากเดิมเป็นหนุ่มที่มีน้ำหนักสูงถึง 125 กก. ลดลงสู่ 65 กก. ได้อย่างรวดเร็ว จะเป็นยังไงไปอ่านกัน!!

สวัสดีครับชาวพันทิปทุกคน ผมชื่อ เก่ง นะครับ หลายๆคนอาจจะคุ้นหน้าผมมาบ้างจากกระทู้รีวิว หรือรายการต่างๆ คราวนี้ผมจะมาเล่าเกี่ยวกับชีวิตที่นำไปสู่ประสบการณ์ลดความอ้วนแบบละเอียดยิบ เจาะลึกในสิ่งที่ไม่เคยเล่า
10-22

เอาล่ะครับมาเริ่มกันที่ผมเริ่มอ้วนตอนไหน ? บอกได้เลยครับว่า ” อ้วนแต่เด็ก ” แต่เห็นทีมาเริ่มเป็นน้องๆช้างน้ำก็ตอนป.3 เห็นจะได้ ถัดมานะครับระหว่างที่โตมาเรื่อยๆก็สารพันจะเป็นนักกินเลยครับ ทั้งบะหมี่พิเศษ 7 ชาม , ก๋วยเตี๋ยวเรือ 30 ถ้วย , พิซซ่า 2 ถาดใหญ่ , เค้ก 2 ปอนด์รวดเดียว , บุฟเฟ่ต์ปริมาณที่พนักงานยังแอบมองหน้า ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผ่านมาหมดแล้วครับ ก็ผ่านมาได้เรื่อยๆจนขึ้นมาอยู่ม.ปลายโดยสภาพนี้ สารร่างที่บอกได้เต็มคำว่าช่วง 120 – 125 กก. อย่างเต็มรูปแบบ

10-23

 

แล้วต้องบอกอีกว่าตอนไปตรวจสุขภาพนี่ตรวจพบโรคเยอะแยะเลยครับที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน ไหนจะอาการที่คนอ้วนทั่วๆไปมักจะพบกัน เช่น ปวดข้อ หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย บลาๆ ที่หนักสุดก็คงจะเป็นหน้ามืดวูบคาจานอาหาร

แล้วทีนี้ก็จะเริ่มเข้าสู่ช่วงสาเหตุที่ลดความอ้วนกันนะครับ
– หมอถามว่า ” คุณจะลดความอ้วน หรือคุณจะตายเพราะความอ้วน “
– โดนสาวที่ชอบและพยายามจีบ 8 ปีปฏิเสธ ( ปิ๊งมาตั้งแต่ป.3 …แก่แด๊ดแก่แดด )
– ตอนสอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัยโดนอาจารย์ที่เป็นกรรมการพูดว่า ” ไปลดความอ้วนมาซะถ้าคุณยังอยากจะเรียนที่นี่ ถ้าลดได้ผมก็จะรับพิจารณาคุณ “
– พ่อ แม่ โดนญาติๆและเพื่อนๆต่อว่าเรื่องที่เลี้ยงลูกไม่ดี เลี้ยงตามใจ บลาๆ
– สังคมรอบข้างล้อและดูถูก ( เฮ้ย จริงนะที่แบบคนอ้วนมักเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นๆ ผมสัมผัสมากับตัวจนซึ้งเลย )
– ทนสารร่างตัวเองไม่ไหว หาเสื้อผ้าใส่ก็ยาก เวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆนี่แบบอ๊ายอาย คนอื่นหน้าตาดีแต่เรานี่อัปปรีย์อยู่คนเดียว

…นี่ล่ะครับสาเหตุหลักๆที่ยังไม่ขอเอ่ยถึงสาเหตุย่อยๆอีกในการลดความอ้วนของผม

10-24 10-25

มาทีนี้ผมก็เริ่มวางแผนและปฏิบัติจริงทันทีเกี่ยวกับการลดความอ้วน แต่ต้องบอกเลยครับว่าแรกๆก็มั่วหลายวิธีมากๆ
ต้องบอกง่ายๆไว้เลยว่าผมลองมาหลายวิธีจนชำนาญเลย -*-
หลังจากผมได้ปรับอาหารการกินใหม่ทั้งหมด หันมาออกกำลังกายเป็นประจำ และขอย้ำว่าผมคุมแบบโหดมากๆ ไม่ดีต่อสุขภาพมากๆ
( วิธีที่ใช้ตอนนั้นคือ 500 – 1000 kcal + การออกกำลังกายอย่างโหมหนักบ้าพลัง ซึ่งบอกเลยว่าเป็นวิธีที่ไม่แนะนำครับ มันทำลายสุขภาพแถมโทรมอีกต่างหาก แถมด้วยการไม่กินมื้อเย็นแต่ดื่มแค่พวกน้ำผลไม้สด น้ำธัญพืช ผลไม้ แค่นี้ครับ …อันนี้ใครทำแบบนี้อยู่ก็เลิกซะนะครับ มันได้ผลก็จริงแต่สุขภาพของคุณนั้นมันไม่ดีเลย เชื่อผมสิผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว ) ผลที่ได้จากการบ้าเลือด หักโหมในตอนนั้นก็คือลดลงมาเดือนละราวๆ 10 – 12 กก. ครับ ใช้เวลาทั้งสิ้นคือ 5 เดือนในการลดน้ำหนัก โดยไม่พึ่งยา ไม่พึ่งศัลยกรรมตกแต่งการผ่าตัดใดๆ ไม่เคยเข้าคอร์สของโรงพยาบาล

” จาก 125 กก. เหลือ 65 กก. ภายในเวลา 5 เดือน ” และสภาพผมตอนนั้นก็ประมาณนี้ครับ

10-26

10-27

ดูผอมแห้ง และผอมแบบกากๆยังไงก็ไม่รู้สินะครับ – -“

เอาล่ะจากนี้ไปคือส่วนที่ผมไม่เคยเล่าแบบจริงจังมาก่อน ผมขอเรียกว่า ” ช่วงชดใช้กรรม ” นะครับ เพราะแบบที่ผมบอกข้างต้นว่าผมใช้วิธีที่ไม่ดีต่อสุขภาพในการเร่งลดความอ้วน ทำให้ผมต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายที่นานสุดๆเกือบๆ 3 ปีเห็นจะได้

หลังจากที่ผมลดลงมาได้แล้วนะครับ ผมก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการกิน หลายๆคนอาจจะรู้จักคำว่าโยโย่เอฟเฟ็คกัน
แต่ผมจะเป็นกรณีตรงข้ามครับ นั่นคือภาวะ anorexia หรือโรคกลัวความอ้วนครับ
ผมกลายเป็นคนวิตกจริตไปทั่วเกี่ยวกับเรื่องอาหารและการออกกำลังกาย แถมร่างกายดันมีอาการต่อต้านอาหารต่างๆ ไม่ดูดซึมอาหาร กินยังไงน้ำหนักก็ไม่ขึ้นมีแต่ลดลงอย่างเดียว …พอนานๆเข้าเริ่มกายเป็นคนที่ไม่อยากกินอาหาร เพราะกินเข้าไปก็รู้สึกคลื่นไส้ ปวดท้อง เบื่ออาหาร มีภาวะความดันต่ำ และร่างกายขาดน้ำตาล

ซึ่งการมีอาการเหล่านี้ผมไม่ได้ปรารถนาเลย ทำให้ผมหันกลับมาศึกษาเรื่องโภชณาการ รวมถึงวิทยาศาสตร์การกีฬาใหม่อีกครั้ง เพื่อที่ผมจะได้หาทางออกของอาการเหล่านี้และแก้ไขฟื้นฟูสภาพร่างกายตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งผมก็ได้ค้นพบแสงสว่างของการลดความอ้วนที่ถูกวิธีแล้วก็ศึกษา พร้อมการปรับใช้กับตัวเองมาเรื่อยๆตลอด 3 ปีจนร่างกายดีขึ้นตามภาพนี้

10-28

10-29

และมาในช่วงปี 2014 ผมก็เริ่มได้ถูกเชิญไปออกรายการต่างๆ เช่น เป็นพิธีกรในช่วงทำอาหารสุขภาพของรายการ สูงวัยกำลังดี ทางช่องทรูปลูกปัญญา
ถูกเชิญไปเป็นแขกรับเชิญในรายการ เรื่องบันดาลใจ ทางช่องโมเดิร์นไนน์

แต่ทีนี้ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่อยู่ในรูปร่างที่เรียกว่าดี ทำให้ผมตัดสินใจที่จะเพิ่มน้ำหนักตัวเองให้ขึ้นมาที่ 75 – 77 กก. และเสริมการออกกำลังให้เข้มข้นแต่เน้นเฉพาะจุดมากขึ้น

10-30

และระหว่างนั้นผมก็ได้ถูกเชิญไปออกรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย ทางช่องโมเดิร์นไนน์

ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่เกินความคาดหมายของผมนะครับ ที่สามารถบอกลาอดีตตัวเองได้ และผมตั้งใจว่าจะฟิตแบบนี้ต่อไปจนกว่าจะได้รูปร่างที่ดีน่าพอใจครับ ตบท้ายเรื่องราวด้วยประโยคประจำตัวผมล่ะกัน ” อย่ามีความสุข บนความทุกข์ของร่างกายตัวเอง “

10-31
งั้นถัดจากนี้ผมจะมาขอแชร์วิธีการเริ่มต้นลดน้ำหนักที่ถูกต้องนะครับ
Step 1
– สร้างแรงจูงใจที่เด่นชัดในการลดความอ้วน
– วางแพลนชีวิตและการออกกำลังกายให้ดี มีกติกาและกฏให้กับตัวเอง
– ถ้าคิดว่าลดคนเดียวไม่ไหว ก็หาแนวร่วมที่จะฟันฝ่ามรสุมทะเลไขมันไปกับเรา

Step 2
– ลดปริมาณอาหารลงให้อยู่ในขนาดที่พอดี เช่น จากข้าว 1 จานพูนๆก็เหลือสักครึ่งจาน / จากชอบกินบุฟเฟ่ต์ก็ให้เน้นกินอาหารเป็นมื้อเดี่ยวๆแทน
– ลดอาหารที่เป็นพวก หวาน มัน เค็ม ทอด ขนม จั๊งค์ฟู้ด น้ำอัดลม
– ห้ามใช้วิธีอดอาหาร
– ศึกษาเรื่องการกินเพื่อสุขภาพให้มากขึ้นแล้วปฏิบัติตาม
– ศึกษาเกี่ยวกับโภชณาการให้มากขึ้น

Step 3
– ศึกษาเรื่องการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆแล้วปฏิบัติตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมขอแนะนำการออกกำลังกายแบบ เวทเทรนนิ่ง + คาร์ดิโอ จะเห็นผลไวสุด

** กฏบังคับ **
– ถ้าไม่รู้ก็ให้ถามผู้รู้ อย่าอายที่จะถามครับ
– มีวินัยกับตัวเอง อย่าผลัดวันไปเรื่อยๆ
– หยุดวาดภาพว่าสักวันฉันจะหุ่นเป๊ะครับ …ลุกขึ้นมาทำเดี๋ยวนี้ครับ แล้วเอารูปตัวเองในจินตนการแปะข้างฝาบ้านไว้เป็นเป้าหมายซะ

** ข้อแนะนำ **
– การกินอาหารเพื่อสุขภาพนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าลืมศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับภาวะต่างๆขึ้นด้วยนะครับ เช่น การกินอาหารคลีนนั้นเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ไม่เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – เด็กม.ต้น เนื่องจากจะทำให้เด็กไม่มีภูมิต้านทานต่ออาหารปกติทั่วไปและอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เป้นต้น
– การออกกำลังกายจริงจังนั้นดี แต่หากหักโหมมากเกินจะส่งผลเสียต่อร่างกายและมวลกล้ามเนื้อนะครับ

ขอขอบคุณ คุณเก่ง สมาชิกเวบไซต์พันทิปดอทคอม

เรื่องน่าสนใจ