สวัสดีค่ะ เราจะมารีวิวศัลยกรรมคางที่ The Art Clinic กับหมออาร์ต นี่เป็นการทำศัลยกรรมครั้งแรกของเรา เริ่มที่คางเลย สาเหตุที่ตัดสินใจอยากทำคางเพราะเป็นคนคางเหลี่ยมตัด มองด้านหน้าอาจจะไม่เป็นปัญหามากแต่มองด้านข้าง หน้าเราไม่มีมิติเลย มันทู่ไปหมด
ว่าแล้วก็เลยเข้าไปปรึกษาค่ะ มีนัดปรึกษาทำคางที่ the art clinic วันพุธที่ 23 ธันวาคม 2558 เราเป็นคนหน้ายาวอยู่แล้วมีคางแล้วก็เลยปรึกษาหมออาร์ต หมออาร์ตก็นำซิลิโคนมาทาบให้ดูแล้วบอกว่าหน้าก็จะหวานขึ้น คางจะไม่ตัดแล้วและที่สำคัญคือ คางจะดูเป็นธรรมชาติ
ว่าแล้วเราก็นัดคิวทำวันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2558 ได้คิวเวลา 13.30 เช้าวันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2558 ก็จัดแจงซื้อน้ำเกลือเอาไว้เช็ดหน้า ซื้อ gel ประคบเย็นของ 3M และของ Boots ซื้อไว้สองเพราะจะได้สลับกันประคบโดยไม่ต้องรอ สิ่งที่ควรซื้อแต่ไม่มีเวลาไปหาคือ เหล่งเอี๊ยง เป็นยาจีนที่ควรกินก่อนทำและหลังทำเพื่อลดการช้ำการบวม
เรามาถึง The Art Clinic ตอน 13.00 ก็นั่งรอเพราะมีคิวทำก่อนเรา 1 คิว พนักงานให้ล้างหน้าแปรงฟัน บ้วนปาก ทานยา แล้วมานั่งรอค่ะ รอประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงคิว ก่อนทำก็มีนั่งคุยกับหมออาร์ตเพื่อสรุปว่าอยากได้แบบไหน เราก็มีถามหมออาร์ตว่าคางเราเหลี่ยมตัดถ้าเสริมซิลลี่เข้าไปจะทำให้ใหญ่ขึ้นมามากไหมก็กังวลอยู่ หมออาร์ตก็เลือกซิลิโคนมาวางทาบกับหน้าเราให้ แต่ดูยังไงก็ยาวจัง ด้วยความที่เชื่อใจหมอ เราก็เอาซิลลี่ที่หมออาร์ตเลือกให้
จากนั้นก็ไปนอนรอในห้องผ่าตัด ก่อนฉีดยาชา หมออาร์ตจะเทียบซิลลี่ให้ แล้วก็เอาปากกามาขีดที่คาง จากนั้นก็เริ่มการฉีดยาชาซึ่งเป็นอะไรที่เจ็บมาก รับรู้ได้ว่าฉีดลงไปแบบลึกสุดๆ หมออาร์ตทำการผ่าตัดแผลในปาก ตอนหมออาร์ตผ่า สมองเราก็จินตนาการภาพต่างๆมากมายว่าถึงตอนนี้แล้ว ถึงตอนนั้นแล้ว เอาจริงๆตอนทำก็ไม่รู้สึกอะไรเลย จะมีที่รับรู้ได้ก็คือ ตอนที่เอาซิลลี่มาประกบกับคางแล้วหมออาร์ตต้องกดให้แน่นกับตอนเย็บแผลปิด นอกนั้นไม่มีความรู้สึก มีแต่ภาพที่จินตนาการไปเอง
ผ่านไปประมาณชั่วโมงก็เสร็จแล้ว ตอนส่องกระจกหลังทำเราก็ว่ามันยาวเนอะ แปลกๆ อาจจะไม่คุ้น ตอนก่อนออกจากห้องผ่าตัดจะโดนแปะคางเหมือนให้อยู่กับที่ ตึงมาก ทำเสร็จก็ยังพูดได้นะคะ แต่จะอู้อี้ รู้สึกตึงๆปวดๆแต่ทนไหว หลังทำปากปิดไม่สนิทเพราะยาชาค่ะอย่ากังวล พนักงานก็จะเตรียมยาแก้ปวดแก้บวมให้เราพร้อมกับอธิบาย ทานได้แค่น้ำ นม ของเหลวห้ามมีชิ้นอาหารเลย ไม่งั้นจะเข้าไปติดที่แผลแล้วนำมาซึ่งการติดเชื้อ
อาการบวมเกิดขึ้นหลังทำประมาณ 5 ชั่วโมงค่ะ บวมมากจนตกใจเลยค่ะ แล้วก็จะเริ่มเห็นการช้ำ ต้องประคบเย็นหนักๆเลยค่ะ ประคบเรื่อยๆ หลังจากผ่าตัดเสร็จ เราแอบมาซื้อยาเพิ่ม เป็นยาแก้ปวดที่ Boots ชนิดแรง ชื่อ Voltaren 100 mg และ Proctase-P โดยยาสองตัวนี้มีเพื่อนที่เคยผ่าตัดใหญ่แนะนำมา ยาที่ทาง clinic ให้มามีสี่ตัวคือ ไทลินอล (ไม่ได้ทานเลยค่ะ), Cobay-500 ตัวนี้ทานแล้วลิ้นชาหน่อยๆ, Reparil ลดบวม ยาตัวนี้ดี, และ Denzo ตัวนี้เราไม่ได้ทานเพราะมีคนแนะนำว่ากินไปเหมือนกินแป้ง ให้ไปกิน Proctase-P แทน นอกจากนี้จะได้ยาบ้วนปาก ชื่อ Isodine
วันที่ 1 ถึง 3 อาการบวมจะแผลงอานุภาพถึงขีดสุด มันจะปวดตุบๆตรงปากล่างลามมาถึงคาง ปากเราจะปิดไม่สนิท จนทนไม่ไหวแล้ว ตัดสินใจขับรถไปบางรัก ไปซื้อเหล่งเอี๊ยงมาต้มดื่มในวันที่สาม
วันแรก 25 DEC 2015 ค่ะ
วันที่ 2 – 26 DEC 2015 Morning
วันที่ 2 – 26 DEC 2015 Night
วันที่ 3 – 27 DEC 2015
วันที่ 4 – 28 DEC 2015
วันที่ 5 – 29 DEC 2015
วันที่ 6 – 30 DEC 2015 เริ่มบวมน้อยลง
วันที่ 7 – 31 DEC 2015
Before & After