รูปหน้าสมส่วน เรียวสวย ด้วยการเสริมคาง
การเสริมคาง มีประโยชน์อะไร ทำไมสาวๆจึงนิยมเสริมคางกัน และวิธีที่ถูกต้องนั้นต้องทำกันอย่างไรบ้างที่จะไม่มีผลเสีย ใบหน้าของคนเราแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนได้แก่ หน้าผาก (เหนือเบ้าตา) ส่วนกลางใบหน้า เช่น จมูก กระบอกตา กรามบน ส่วนล่าง เช่น ริมฝีปาก กราม และคาง โดยการที่มีสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป จึงจะรวมเป็นใบหน้าที่สวยงามได้ หากมองทางด้านข้างของใบหน้า จะเห็นส่วนโค้งเว้าโดยเริ่มจากหน้าผากลงมา ตามแนวสันจมูก ริมฝีปาก และลงมาที่คาง หากมีแนวที่เหมาะสมคือ คางและระดับจมูกที่ตรงกัน ก็จะได้เส้นโค้งที่ดูสวยงาม
เคยสังเกตุมั้ยว่า ทำไมดาราเวลาที่ถ่ายภาพออกมาแล้วถึงได้หล่อ ๆสวย ๆกัน ก็เพราะว่าเส้นโค้งเหล่านั้น มันได้สัดส่วนกันพอเหมาะ แต่สำหรับคนเราทั่ว ๆไปมักจะได้ไม่พอดีกัน อาจจะเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง แตกต่างกันไป พอถ่ายภาพออกมาเลยดูไม่สวยเหมือนพวกดาราทั่วไป ซึ่งจะเห็นได้ว่า คาง ก็เป็นจุดสำคัญหนึ่งของความงามบนใบหน้า คางที่ดูเล็ก คางที่ใหญ่ คางที่ยื่น ก็ล้วนทำให้ส่วนโค้งไม่ได้รูปที่เหมาะสม ทำให้ใบหน้าไม่สวยงาม
ดังนั้นการเสริมคาง จึงเป็นการปรับเส้นโค้งให้เหมาะสมลงตัว เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับใบหน้า มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้คางที่เล็ก หรือคางที่ถดถอยไปด้านหลังมากเกินไป ให้มีส่วนยื่นออกมาด้านหน้ามากขึ้น แต่ถ้าคิดจะเสริมคางต้องได้รับการตรวจดูสภาพของกราม โดยศัลยแพทย์เสียก่อนว่า มีการผิดปกติที่ส่วนไหนร่วมด้วยหรือไม่ จะไดแก้ไขหรือรักษาไปพร้อม ๆกันเลย ความผิดปกติที่บอกได้ ได้แก่
การสบของฟัน ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะคางที่เล็กนั้น สาเหตุอาจจะมาจากที่กระดูกกรามที่เล็ก และถอยร่นไปด้านหลังมากผิดปกติ การคบเขี้ยวจึงมักจะมีปัญหาด้วย ดังนั้นการรักษาโดย การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดเลื่อนกราม จึงอาจจะเป็นการรักษาที่ถูกต้องมากกว่า การที่จะเสริมคางอย่างเดียว เพราะอาจจะทำให้เพิ่มความผิดปกติยิ่งดูไม่สวยมากขึ้นไปอีกก็ได้
กระดูก กรามและส่วนอื่นมีความผิดปกติ ด้วยหรือไม่ เช่น ขนาดของกระดูกกรามด้านหลัง มีการยื่นยาวผิดปกติหรือไม่ บางครั้งอาจจะมีปัญหาเรื่องกรามเอียงเกิดขึ้น ก็ควรที่จะทำการรักษาก่อนการเสริมคาง มิฉะนั้นอาจจะทำให้อาการกรามเอียงเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ความเล็ก ใหญ่ของคาง เรื่องการเสริมคางนั้นก็มีข้อจำกัดด้วย ไม่ใช่ว่าจะเสริมคาง ขนาดเท่าใดก็ได้ ทั้งนี้เนื่องจากการเสริมคางที่ใหญ่เกินไป อาจจะเกิดมีปัญหาต่อผิวหนังและกระดูกคางได้ในระยะยาว และอีกทั้งผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นอีกมาก
ดังนั้นการที่มีคางเดิม ที่เล็กมาก บางครั้งการผ่าตัดแก้ไข โครงสร้างของกระดูกคาง อาจจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง มากกว่าการเสริมคาง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่ตรวจจะเป็นผู้พิจารณาว่า จะใช้วิธีใดและเลือกในการแก้ไขที่ถูกต้องมากที่สุด วัสดุที่ใช้เสริมคางจะจำแนกออก 2 ประเภท คือ การฉีดสารเสริมคาง กับ การเสริมด้วยแท่งซิลิโคน
การฉีดเสริมคาง มีคนมักจะถามบ่อย ๆเสมอว่า ดีไหมและได้ผลดีเพียงใด รวมทั้งปัจจุบันนี้ก็มีคน นำสารฉีดเสริมตัวใหม่ ๆมาเผยแพร่ในท้องตลาดมากมาย ความจริงเรื่องการฉีดด้วยสารต่าง ๆนั้น มีมาหลายปีแล้ว แต่ที่ยังนิยมไม่เลิก และไม่ยอมสูญพันธุ์ไปจากวงการเสียทีก็คือ การฉีดซิลิโคนเหลว โดยผู้ฉีดไม่ใช่หมอ โดยไม่รู้ที่มาที่ไป รวมทั้งเมื่อฉีดแล้วก็ก่อเกิดปัญหากับผู้ที่ถูกฉีดเสมอ แต่ก็ยังมีคนยังหลงเชื่อไปฉีดกันอยู่ทุกวันนี้
ขอแนะนำว่าอย่าไป ทดลองฉีดโดยเด็ดขาด เพราะมีผู้เสียหายมามากแล้ว เพราะว่า สารซิลิโคนเหลว นั้น เมื่อฉีดไปแล้วจะเกิดการไหลย้อยไปที่ส่วนต่าง ๆภายใต้ผิวหนังได้ และที่สำคัญจะ ไม่ถูกย่อยสลาย ไป และในระยะยาวก็จะเกิดการอักเสบได้ ซึ่งบางท่านอาจจะเกิดผิวแดง ผิวแข็ง ๆหรือบางครั้งอาจจะแตกออกมานอกผิวหนังได้ และทั้งเจ็บ ทั้งปวด ทรมานสุด ๆ ส่วนการแก้ไขก็ต้องตัดเอาเนื้อของกล้ามเนื้อ และเอาสารซิลิโคนเหลวออก หรือเรียกว่า การขูดซิลิโคนเหลวออก ผลที่ตามมาคือคางเหี่ยว ปากเบี้ยว ปากเอียง ตามมา
นอกจากนี้ยังมีสารชนิดอื่น ๆที่มีคนนำเอามาฉีดเสริมคางนั้น ก็มีสารสังเคราะห์ต่าง ๆ เช่น สารคอลลาเจน ขอย้ำว่าต้องเป็น สารคอลลาเจนที่หมอจริง ๆเป็นคนฉีดให้ เพราะสารพวกนี้ทางการแพทย์ยอมรับให้ใช้ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และก็ยังมีสารที่ค้นพบใหม่ ๆอีก ซึ่งที่เรียกว่า ไฮยาลูโรนิกแอซิต ไบโอพลาสติก เป็นต้น แต่ทางวงการแพทย์ก็ยังโต้เถียงกันอยู่ว่า สารเหล่านี้ปลอดภัยจริงหรือไม่ และที่สำคัญเมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ถ้าไม่ต้องการจะเอาออกได้อย่างไร ในกรณีที่มันไม่สามารถย่อยสลายไปเองได้ หรือจะต้องรอไปอีก 2-3 ปี ถึงจะได้คางเก่ากลับคืนมา แต่ถ้าเป็นพวกสารที่คงอยู่ตลอดชีวิตนั้น ถ้าจะใช้คงต้องคิดหนัก เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคงลำบาก โดยเฉพาะพวก สารไบโอพลาสติก เป็นต้น
การเสริมคางด้วยซิลิโคนแท่ง วิธีนี้ถือว่าเป็นมาตราฐานอย่างหนึ่งของวงการ ศัลยกรรมความงาม หลักการไม่มีอะไรซับซ้อน นอกจากเพียงเอาซิลิโคนแท่งที่มีขนาดที่เหมาะสม ไปวางที่ตำแหน่งคางเท่านั้นเอง ซึ่งก็คือขอบล่างของกระดูกกรามด้านหน้า โดยไม่ใช่ที่กระดูกคาง ซึ่งทำให้บางท่านเข้าใจว่า เสริมคางแล้วทำไมคางไม่ยาวลงมา แต่กลับงอนมาด้านหน้า อันนี้ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนที่จะทำ “การเสริมคาง” จะได้ไม่มาเข้าใจผิดกันภายหลัง
ซิลิโคนที่ใช้เสริมคาง ก็เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ เสริมจมูก มีทั้งขึ้นรูปมาเรียบร้อยแล้วจากโรงงาน และจะต้องนำมาเสริมแต่งเองเล็กน้อย ก่อนที่จะเสริมเข้าไปกับชนิดที่ แพทย์ต้องนำมาเหลาขึ้นรูปเอง เพื่อให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละท่าน ซึ่งขึ้นอยู่กับความถนัดของแพทย์แต่ละท่านด้วย ว่าจะเลือกใช้ซิลิโคนชนิดไหน
การ ดูแลหลังการผ่าตัดเสริมคางแล้วย่อมมีอาการบวมได้บ้าง ซึ่งต้องใช้ การประคบเย็น เพื่อช่วยลดอาการบวม หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณคาง โดยเฉพาะใน ช่วง 3-4 สัปดาห์แรก การดูแลแผลผ่าตัดภายในช่องปากมีความสำคัญมาก เพราะในปากจะมีน้ำลายรวมทั้งอาหาร มาปนเปื้อนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้า หมั่นดูแลบ้วนปากและระมัดระวังอย่าทานอาหารที่แข็งมาก ก็จะทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น และไม่เกิดการอักเสบได้ หลังจากนั้น ประมาณ 1-2 เดือน อาการบวมมักจะยุบลงและได้คางรูปใหม่แล้ว และ แท่งซิลิโคนก็จะเกาะติดแน่นกับขอบกระดูก โดยไม่ขยับเขยื้อนไม่ได้ นอกเสียจากว่า จะไปโดนกระแทกอย่างแรงมา เช่น คางไปโดนกระแทกพื้น หรือโดนชกต่อยบริเวณคางมา เป็นต้น
ผลข้างเคียงหลังการผ่าตัดเสริมคาง เพื่อจะได้ทราบเป็นเบื้องต้น ปกติแพทย์เองก็พยายามจะลดหรือป้องกันให้เต็มที่อยู่แล้ว ซึ่งผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้มีดังต่อไปนี้ การอักเสบติดเชื้อ ซึ่งในระยะแรกแผลยังใหม่อยู่ อาจจะมีการอักเสบได้ ถึงแม้จะไม่มากนัก เพราะแพทย์จะให้ ยาแก้อักเสบ ไปทาน รวมทั้งกำชับเรื่องการดูแลแผลเป็นอย่างดี แต่ถ้าหากเกิดขึ้นในระยะแรก ๆที่ยังไม่รุนแรง แพทย์อาจจะใช้ยาแรงขึ้น เพื่อช่วยจัดการปัญหานี้ได้ แต่ถ้ารุนแรงมาก อาจจะทำการผ่าตัดเอาแท่งซิลิโคนออก แล้วมาเสริมเข้าไปใหม่ภายหลัง
การเอียงบิดของแท่งซิลิโคน ซึ่งก็จะเหมือนกับการเสริมจมูกที่จะเอียงได้ เพราะหลังผ่าตัดเสร็จ ซิลิโคนจะยังไม่มีอะไรมายึดและห่อหุ้ม อาจจะ เกิดการเอียงขึ้นได้ ถ้ามีอะไรไปกระทบกระเทือน ซึ่งคนไข้ต้องระมัดระวังในการดูแล โดย หลังทำ 1 เดือนขึ้นไป ซิลิโคนถึงจะยึดติดแน่นด้วยตัวมันเอง แต่ถ้าเอียงไม่มาก แพทย์ก็ยัง สามารถใช้มือดัดให้เข้าที่ ได้เช่นกัน แต่ถ้าเอียงมาก ๆก็ต้องมาผ่าตัดแก้ไขใหม่ หรือบางท่านหลังเสริมคางไปใหม่ ๆ ชอบเอามือไปลูบคางบ่อย ๆ อันนี้ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้ คางที่เสริมไปแล้วเอียงได้เช่นกัน ปากเกิดอาการชา เนื่องจากบริเวณคางด้านซ้ายและขวา จะมี เส้นประสาทที่มาเลี้ยงริมฝีปากล่าง อยู่ด้วย อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกได้ถ้าใช้ แท่งซิลิโคนที่กว้างมากเกินไป จนต้องเสริมเข้าไปใกล้เส้นประสาททั้ง 2 ข้างที่อยู่ชิดกระดูกกราม ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการชาที่ปากตามออกมาได้ โดยทั่วไปแล้วจะเกิดเพียงชั่วคราว ซึ่งจะกลับมาเป็นปกติ ในระยะเวลาอันสั้น จาก อาการผลข้างเคียง ทั้งหมดข้างต้นที่อาจเกิดขึ้นได้นั้น ก็สามารถแก้ไขได้ทั้งสิ้นจึงไม่ต้องกังวล
การที่จะมีใบหน้าที่สวยงาม นั้น นอกจากแต่ละส่วนจะต้องได้รูปร่างที่ดีแล้ว สัดส่วนนั้น ๆก็ต้องกลมกลืนกับส่วนอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกันด้วย เช่น จมูก และคาง ที่จะมักไปด้วยกันและสอดคล้องกัน การผ่าตัดเสริมคาง และ การผ่าตัดเสริมจมูก จึงเป็นที่นิยมมากตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน และอีกทั้งเป็นการรักษาที่ถือว่าเป็นมาตราฐานอยู่ อีกทั้งการดูแลรักษาก็ไม่ยุ่งยากมากด้วย
ขอบคุณที่มา beautysmall.com