ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า ดร.วันวิสาข์ ชูชนม์ หรือ ดร.ศศดิศ ชูชนม์ หรือ หรือ พี่นุช ไทยรัฐ นั่นเอง ซึ่งเป็น สื่อมวลชนสายกระทรวงสาธารณสุข มาตั้งแต่สมัยกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่ได้มาตั้งในย่านแคราย จังหวัดนนทบุรี
โดยพี่นุช ไทยรัฐ เป็นเพื่อนรักของ ผู้ประกาศข่าวคนดัง พี่ต๊ะ นารากร ติยายน และ พี่ดาว สุภาลักษณ์ ตั้งจิตต์ศีล อดีตนักข่าวบางกอกทูเดย์ ปัจจุบันเป็นผู้บริหารด้านสื่อของ ธนาคารธนชาต
ที่อยู่เคียงข้างในวันที่ ต๊ะ นารากร ออกมาจากช่องวัน ด้วยสถานการณ์ที่ ต๊ะ นารากร ค่อนข้างเสียใจ เพราะเป็นคนเก่งในวงการข่าวทีวี แต่มาเจอปัญหาบางอย่าง ซึ่งช่วงนั้นผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอมได้ประจำ กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2546 สมัย นายแพทย์วัลลภ ไทยเหนือ เป็น ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นายแพทย์จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ รักษาการปลัดกระทรวง ฯ
สื่อมวลชนสายกระทรวงสาธารณสุข มีการเติบโตไปตามวันเวลา บางคนเป็นบรรณาธิการ เป็นอาจารย์นิเทศศาสตร์ เป็นฝ่ายสื่อสารองค์กรในหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข หรือ ในแวดวงสุขภาพ บางคนไปเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลก ฯลฯ
กระทรวงสาธารณสุข เป็นอีกหนึ่งกระทรวง ที่บุคลากร ไม่ค่อยไปไหน เพราะหากได้มาเริ่มต้นงานที่นี่ การจะไปหน่วยงานอื่นๆ ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่อีกครั้ง แต่หากอยู่ในแวดวงนี้ ใช้ความรู้ที่ได้รับการแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ฯลฯ ไปต่อยอด ทำงานอื่นๆ ได้
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า หลายๆ ท่าน เกษียณราชการ ไปแล้ว ก็อาจจะกลับมาอีก หากจะเอ่ยถึงระดับผู้บริหาร ในตอนนี้ นายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานรัฐมนตรี อดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค ซึ่งเดิมทีได้ข่าวว่าจะมาในตำแหน่งใหญ่กว่านี้ มาก
ล่าสุด ดร.ศศดิศ ชูชนม์ หรือ หรือ. พี่นุช ไทยรัฐ ระบุว่า เป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว ที่พวกเราชาวสื่อมวลชนสาธารณสุข และพี่ ป้า น้า อา ประชาสัมพันธ์ ยุค วังเทวะเวศม์ จนถึงนนทบุรี ผู้บริหาร อดีตผู้บริหาร ไม่เคยได้พบปะสังสรรค์ …17 พ.ค.2560 ฤกษ์งามยามดี ที่พวกเราจะได้มาเจอะเจอกันอีกครั้ง และยังเป็นโอกาสวันครบรอบวันเกิด 96 ปีของ “ป๋าแห้ว” พิศาล พ้นภัย สิงห์เฒ่าแห่งวงการน้ำหมึก ผู้ไม่เคยย่อท้อต่อการเปลี่ยนแปลงไปของสื่อ… มาเจอะเจอกัน ด้วยความรัก ความผูกพัน 5 โมงเย็น..เป็นต้นไป ณ ร้านเชชิค ประชาชื่น
โดย ดร.ศศดิศ ชูชนม์ กล่าวเมื่อช่วงวันเกิดเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจว่าว่า จริงๆตั้งใจว่า ในปีอายุใหม่ ชื่อใหม่ ..นี้ จะพยายามถอยห่างจากโซเชียล คือ ดูแค่รู้ อยู่ใกล้ให้น้อยลง เพื่อจะได้มีเวลาหันกลับมาเพ่งมองภายในจิตของเราให้มากขึ้น เพื่อที่จิตจะได้มีพลังมากพอในการที่จะประกอบกิจอันยากลำบากให้ลุล่วงไปได้ ด้วย สติ และ ปัญญา อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
รู้เพื่อรู้ เห็นเพื่อเห็น ไม่ปรุงแต่ง …
แต่ด้วยคำอวยพร และ คอมเมนต์ที่มีเข้ามาในวันเกิด จากกัลยาณมิตรใกล้ไกล จนไม่อาจจะขอบคุณเป็นรายคนได้ครบ จึงขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่าน ที่ได้อวยพรด้วยถ้อยคำ น้ำจิต น้ำใจอันเปี่ยมด้วยไมตรีจิต มากมาย ขอให้ทุกคำพรอันประเสิรฐนั้น จงย้อนกลับสู่ทุกท่านร้อยเท่า พันเท่า ทวีคูณ
การได้มาพบกันของบุคคลบนโลกนั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า “ไม่ใช่”เหตุบังเอิญ การมาพบกัน คบหากัน เกื้อกูลกัน ล้วนมีเหตุปัจจัยเกี่ยวเนื่องกันมาทั้งสิ้น
อย่าลืมว่า คนเราเกิดมาเพื่อพึ่งพาอาศัย เกื้อกูลกันตามเหตุปัจจัย
วันนี้ถ้ามีเพื่อนที่ดี มีคนที่ดีในชีวิต พึงรักษา เพื่อนที่ดีและเวลาดีๆเหล่านั้นไว้ให้นานที่สุด…เพราะคนดีๆ เวลาดีๆบางครั้งก็ใช่ว่าจะมีเข้ามาบ่อยนัก
รักตัวเองให้เป็น เพื่อจะรักคนอื่นเป็น
มีชีวิตอยู่เพื่อเป็น”ผู้ให้”และฝึกเจริญเมตตาเป็นนิจ เพื่อเป็นบุคคลที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสิรญ
ท้ายนี้..ขอขอบคุณอีกครั้งกับทุกคำอวยพรวันเกิดในปีนี้ ทั้งจากท่านผู้ใหญ่ที่เมตตา เพื่อนฝูง ครูอาจารย์ ลูกศิษย์ลูกหา พี่ๆน้องๆ..ขอทุกท่านมีความเจริญในธรรม มีบุญรักษา และมีศีล สมาธิ ปัญญา เป็นสิ่งหนุนนำจิต..ตลอดไป