เนื้อหาโดย : โดดเด่นดอทคอม

อาการ “ปวดเบ้าตา” ถือเป็นอาการของคนยุคสมัยใหม่ เพราะอาการนี้เกิดจากการจ้องมองคอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอทีวี-โทรศัพท์มากเกินไป แสงจากอุปกรณ์เหล่านี้กำลังทำร้ายดวงตาของคุณ ทำให้กล้ามเนื้อดวงตาเมื่อยล้า ซึ่งส่งผลให้มองตัวหนังสือ-ภาพไม่ชัด

Headache. Woman suffering from head pain isolated.

อาการปวดเบ้าตา เป็นอาการที่เจอบ่อยมาก ในกลุ่มคนที่ใช้สายตา “จ้องมอง” จอที่มีความสว่างเป็นประจำ ทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานอย่างหนัก โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่โฟกัส และกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ปรับระยะการมองใกล้-ไกล

ไม่เพียงแต่อาการปวดตาอย่างเดียวเท่านั้น รวมถึงอาการปวดหัวคิ้ว ปวดขมับ ปวดบีบๆ รอบศีรษะ ปวดหนักๆ ในเบ้าตา จนบางคนคิดว่าตัวเองเป็นไมเกรน บางครั้งอาจปวดต้นคอ ปวดหลังเรื้อรังร่วมด้วย

ผู้ป่วยจะมีอาการ

  1. มีอาการปวดบริเวณเบ้าตา, ปวดระหว่างคิ้ว บางคนมีอาการปวดขมับร่วมด้วย
  2. การจ้องมองตัวหนังสือ-รูปภาพ ไม่ชัด(เบลอ)
  3. มีอาการแสบตา รู้สึกเหมือนตาแห้ง
  4. อาจมีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ

Man rubbing his eyes

สาเหตุเกิดจาก

การใช้สายตาจ้องมองคอมพิวเตอร์-โทรศัพท์มือถือ-ทีวีที่มีแสงสว่างอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ดวงตามีการใช้งานมากเกินไป เกิดการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อของดวงตา ส่งผลให้ระบบโฟกัสต่างๆของดวงตาผิดเพี้ยนไป บางรายมีอาการรู้สึกเหมือนเป็นไข้-ไมเกรนร่วม

วิธีการดูแลรักษาและถนอมสายตา

1. พักสายตาระหว่างทำงาน
ละสายตาจากคอมพิวเตอร์ หลับตาลงสัก 10-20 นาที หรือหันไปมองสิ่งของที่อยู่ไกลๆ โดยเฉพาะการมองต้นไม้ เพราะสีเขียวของต้นไม้ จะช่วยให้ดวงตาของเรารู้สึกผ่อนคลาย

2. จัดวางจอคอมพิวเตอร์-ทีวีในตำแหน่งที่ถูกต้อง
จัดวางคอมพิวเตอร์ หรือการนั่งดูทีวีควรห่างจากสายตาเราประมาณ 50-70 ซม. วางให้สูงในระดับสายตาซัก 5-9 นิ้วและไม่ควรวางในตำแหน่งที่มีแสงสะท้อน เพราะแสงที่สะท้อนจากหน้าจอทำให้เราแสบตาได้ เพราะรูม่านตาทำงานหนัก

3. ประคบด้วยผ้าอุ่นๆ
หากมีอาการปวดเบ้าตา เพราะสายตาเมื่อยล้า ให้นำผ้าขนหนูผืนเล็ก ชุบน้ำอุ่น บิดพอหมาดๆ ประคบที่ดวงตา จะช่วยทำให้เราผ่อนคลายและ กล้ามเนื้อตาได้คลายตัวด้วย

4. หลีกเลี่ยงการโดนลมเป่า
หากต้องทำงานอยู่หน้าพัดลม, ลมจากแอร์ หรือต้องขับรถมอเตอร์ไซต์ ที่ทำให้ดวงตาของเรากระทบโดนลมแรงๆแล้ว ควรหาแว่นมาใส่ เพื่อกันไม่ให้ดวงตาของเราโดนโดยตรง เพราะอาจทำให้ตาเราแห้งและแสบได้

5. หาแว่นตาลดแสงใส่
หากจำเป็นต้องทำงานที่ต้องจ้องอยู่หน้าคอมตลอดเวลา ให้หาซื้อแว่นตาลดแสงสำหรับคอมพิวเตอร์มาใช้ เพราะแสงเหล่านี้ทำร้ายดวงตาของเรา สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายแว่นทั่วไป

6. บริหารกล้ามเนื้อตา
วิธีนี้จะช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อตาได้ ทั้งอาการเพลียจากการใช้สายตาไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงทั้งจาก การมองจอคอมพิวเตอร์ หรือการอ่านหนังสือนานๆ รวมถีงการจ้องสมาร์ทโฟนนานๆ จนเกิดการเมื่อยล้า

1

กลอกตาขึ้น – ลงช้าๆ 6 ครั้ง :: โดยเหลือบตาขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุด ในระหว่างการบริหารอย่างเกร็งลูกตา

2

กลอกตาไปข้างขวาและซ้ายสลับกัน :: โดยกลอกตาไปให้ขวาสุด และซ้ายสุด ทำซ้ำ 2 – 3 ครั้ง

3

ชูนิ้วชี้ขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา :: ห่างจากสายตาประมาณ 8 นิ้ว แล้วจองมองไปที่ระยะไกลๆ ประมาณ 10 ฟุต สลับกับใช้ตามองระยะใกล้ที่นิ้วมือ ใช้เวลามองแต่ละที่ประมาณ 2 – 3 วินาที ทำสลับไปมาเช่นนี้ประมาณ 10 ครั้ง แล้วหยุดพัก 1 วินาที ทำประมาณ 2 – 3 รอบ 4

กลอกตาเป็นวงกลมช้าๆ :: โดยเริ่มกลอกตาตามเข็มนาฬิกาก่อน แล้วกลอกตาทวนเข็มนาฬิกา ทำประมาณ 10 ครั้ง แล้วหยุดพัก 1 วินาที ทำประมาณ 2 – 3 รอบ

การพักสายตาบ่อยๆ จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความผิดพลาด และลดอาการปวดเมื่อยตาลงได้ และควรมีการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีโรคตาจริงๆ

 

ข้อมูลจาก : Dude Sunglasses, brightlives, tipsza

เรื่องน่าสนใจ