“ร้อยไหมกรวย” มาใหม่แล้วเวิร์กกว่าจริงอะ?
การ ร้อยไหมยังคงอยู่ในกระแสความสวย เอะอะอะไรก็ร้อยไหม จะแก่จะสาวก็ร้อยไหมกันให้วุ่น ทำให้มีการพัฒนาไหมที่ใช้ร้อยรุ่นใหม่ ๆ ออกมา และที่กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ตอนนี้คือไหมกรวย ส่วนจะเป็นยังไง แล้วจะเวิร์คจริงหรือเปล่ามาดูกัน
อะไรคือไหมกรวย
ไหมกรวยเป็นชื่อเล่นที่เรียกตามลักษณะเท่านั้น เพราะไหมตัวนี้ก็ยังเป็นไหม PDO ตัวเดิม แต่เพิ่มความพิเศษเข้ามาตรงที่มีโคนหรือกรวยติดอยู่ที่ไหมเป็นระยะ ๆ ไม่ใช่ไหมกลม ๆ เรียบ ๆ อีกต่อไปแล้วนะจ๊ะ ส่วนจะดีกว่าเดิมยังไง ผู้ที่มาให้ความรู้แบบจัดเต็มในครั้งนี้ได้แก่ พญ.นิภา ปรัชญาวานิชกุล จาก The Face Aesthetic คลินิก และ พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ จากของขวัญคลินิก
ทำไมต้องมีกรวย
ไหมแบบเดิมนั้นจะใช้ร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังเฉย ๆ โดยเรียงตัวตามแนวที่ต้องการยกกระชับ หลังจากนั้น ก็รอการสร้างตัวตามแนวที่ต้องการยกกระชับ หลังจากนั้นก็รอการสร้างตัวของคอลลาเจนขึ้นมา ซึ่งอัตราการสร้างของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันจึงทำให้เห็นผลที่ไม่แน่นอน คนที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนดีก็ดีไป คนที่สร้างน้อยก็จะรู้สึกว่าเสียเงินเปล่า แต่พอมีตัวกรวยเข้ามามันก็จะช่วยเกี่ยวผิวขึ้นไปทันทีโดยไม่ต้องรอคอลลาเจน และสามารถทำได้ทั่วทั้งใบหน้า
เจ็บแย่ไหมไม่เรียบ
หลายคนเป็นกังวลเรื่องความเจ็บ แต่ด้วยไหมตัวนี้ มีกรวยเพิ่มมาจึงต้องร้อยลงไปใต้ผิวหนังค่อนข้างลึกที่ซึ่งมีเส้นประสาทน้อย กว่า และยังใช้เส้นไหมในการร้อยน้อยกว่ามาก ถ้าเป็นแบบเดิมจะเอาให้อยู่ทั้งหน้าต้อง 50 เส้นขึ้นไป และจุดที่จะถูกแทงเข็มก็จะเยอะแต่ไหมกรวยใช้เพียง 10-20 เส้นก็ให้ผลที่ดีแล้ว
ลูกเล่นเยอะคงแพงสินะ
อยากที่บอกไปว่าใช้จำนวนเส้นน้อยกว่าไหมแบบเดิม ราคาต่อเส้นอาจจะแพงกว่า แต่หากคิดเป็นราคาโดยรวมแล้วก็ถูกกว่าไม่ต่างกันมาก 20,000-50,000 บาท
ไหมไม่สำคัญเท่าเทคนิค
ในการแก้ไขความหย่อนคล้อยแต่ละจุดบนใบหน้า แม้จะใช้ไหมเหมือนกันแต่อาจได้ผลต่างกันเพราะเทคนิคการร้อยของแพทย์แต่ละคน ดังนั้น สาว ๆ ควรปรึกษาคุณหมอให้ละเอียดก่อนทำถึงจุดที่ต้องการแก้ไข และวิธีการของแต่ละคลินิก
พักฟื้นหลังทำต้องรู้
ถ้าเป็นไหมแบบเก่าอาการที่พบคือการบวมซ้ำและรอยเข็มประมาณหนึ่งสัปดาห์ บางคนก็มีอาการไม่มากแต่งหน้าอำพรางได้ไม่เป็นที่สังเกต แต่ไหมกรวยหลังจากร้อยเข้าไปจะเกิดเป็นรอยบุ๋มจากการดึงของกรวย ผู้ทำจึงต้องมีเวลาพักหน้า 2-3 วัน ส่วนการดูแลอื่น ๆ ก็เหมือนเดิมคือห้ามเลเซอร์ นวดหน้า และโดนความร้อนจัดเป็นเวลาหนึ่งเดือน
เวิร์คกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือLisa Vol.14 No.47 4 ธันวาคม 2556
เครดิต kapook.com