ลดไขมันส่วนเกินที่แก้ม ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ถึงแม้ว่าแก้มที่ป่องกลม จะทําให้เราดูหน้าเด็กอ่อนกว่าวัย แลดูเป็นผู้มีสุขภาพดี แต่หากป่องมากจนเกินไป อาจจะทําให้ใบหน้าดูสั้น แต่งหน้าออกมาแล้วดูไม่สวยได้ จึงมีวิธีที่จะนําไขมันที่แก้มนั้นออกไปอย่างถาวรด้วยวิธีการ ผ่าตัดลดแก้ม (Buccal Fat Removal) ซึ่งจะทําให้มีหน้าที่เรียวขึ้น ทั้งโหนกแก้มยังดูโดดเด่นตามมาอีกด้วย
>> แก้มหย่อนคล้อยแถมคางสองชั้น ปัญหาใบหน้าแบบนี้ต้องแก้ไขอย่างไร
>> ฟิลเลอร์ปรับหน้าสวย โหนกแก้มชัด ปากอวบอิ่ม
>> หน้ากลม แก้มล้น กำจัดไปให้พ้น ด้วยการร้อยไหมยกกระชับ
>> ร่องแก้มลึก จนทำให้หน้าดูแก่ ปัญหานี้แก้ไขด้วยวิธีไหนได้บ้าง
ไขมันกระพุ้งแก้ม หรือ Buccal fat pad หรือ Bichat’s fat pad เป็นไขมันของแก้มที่อยู่ลึก ระหว่างกล้ามเนื้อกับกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคี้ยว ไม่เหมือนกับไขมันที่โหนกแก้ม ซึ่งจะอยู่ตื้นใต้ชั้นผิวหนัง ไขมันนี้มีกันทุกคน มากบ้างน้อยบ้างตามแต่กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีอายุน้อย จะทําให้ดูแก้มป่อน่าหยิก แต่เมื่อเข้าสู่วัยชราในรายที่มีไขมันนมาก จะเป็นสาเหตุของแก้มห้อย และเกิดริ้วรอยตามมาได้ซึ่ง แก้มที่ป่องนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Chipmunk Cheeks หรือ Chubby Cheeks ที่แปลว่าหน้าอ้วน โดยมากคนจะคิดว่าอ้วนหรือเปล่า ทําให้แก้มป่อง แต่จริงแล้วความอ้วนมีผลน้อย ส่วนหนึ่งถ้าผอมลง จะดูแก้มลดลงจริง ถ้าคนแก้มหันหน้าเอียงเส้นที่ลากจากขอบตาโค้งออกที่โหนกแก้ม แล้วเว้าเข้าปกติเป็นรูปตัว s จะไม่เคิร์ฟ อาจจะตรงลงมาหรือเคิร์ฟออก แทนที่จะเคิร์ฟเข้า
สาเหตุของผู้ที่มีปัญหาไขมันบริเวณแก้มจํานวนมาก ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากกรรมพันธุ์ โดยสังเกตได้จากญาติผู้ใหญ่ของเรา ถ้าสมัยเด็กๆ เขามีแก้มที่ป่องแล้วมาจนทุกวันนี้แก้มยังป้องอยู่นั้น ย่อมมีแนวโน้มว่าแก้มนี้จะป่องต่อไป โดยปกติเมื่อเข้าสู่อายุประมาณ 20 ปลายๆ เข้าสู่อายุ 30 ไป รูปหน้าก็จะตอบลงเอง หากเป็นกรรมพันธุ์ แก้มก็จะไม่ตอบลง และบุคคลที่ผอมลง ก็ไม่ได้เกิดจาก BUCCAL FAT แต่เกิดจากไขมันบริเวณใต้ผิวหนัง ถ้าคนที่มีเนื้อไขมันบริเวณนี้มาก หากไม่นําออกไป ก็จะติดอยู่กับแก้มเราตลอดไป
ทําไมถึงต้องทําการผ่าตัดลดแก้ม ?
คนส่วนใหญ่ที่มาผ่าตัดลดแก้มนั้น จะคํานึงถึงเรื่องของความสวยความงามเป็นหลัก เหมาะสําหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องแก้มป่อง เมื่อทําการผ่าตัดแล้ว จะทําให้ใบหน้าที่สั้น อ้วน ดูเรียวขึ้น โดยปกติแล้ว ใบหน้าของคนทั่วไป ไม่ได้มีแค่ไขมันเพียงอย่างเดียว แต่จะมีกล้ามเนื้อรวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ใช้ในการบดเคี้ยวอาหาร ถ้ากล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ อาจส่งผลให้แก้มนั้นดูใหญ่ด้วยได้
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
ทางแพทย์จะตรวจดูสาเหตุที่แท้จริงของแก้มที่ป่องว่ามีต้นตอมาจากกระดูก กล้ามเนื้อ หรือไขมันจริงๆ และคนไข้มีโรคประจําตัวใดๆ บ้าง ทั้งควรงดทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างเช่น ยาแอสไพริน และงดดื่มสุรา และสูบบุหรี่ ประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะเวลาผ่าตัด อาจทําให้มีเลือดออกง่าย หรือมีก้อนเลือดคั่งบริเวณแก้ม เป็นผลทําให้เกิดอาการบวมอักเสบได้ ส่วนอาหารและน้ำดื่ม สามารถทานได้ตามปกติ
ขั้นตอนการผ่าตัด
ข้อจํากัด
ผลลัพธ์ที่ได้
แก้มดูเรียวขึ้น แต่จะเห็นผลได้อย่างชัดเจนมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละบุคคล และกล้ามเนื้อที่ใช้ในการบดเคี้ยวอาหารด้วย หากกล้ามเนื้อมีความหนา แก้มอาจจะดูป่องอยู่ อาจจะเพิ่มด้วยการฉีดโบท็อกซ์ตามมา เพื่อให้เห็นชัดเจนว่าดูเรียวขึ้นได้ แต่ในช่วง 2 วัน แรกของการผ่าตัดนั้น จะพบว่ามีอาการบวม หลังจากนั้นก็จะยุบลง และเริ่มเห็นโครงสร้างของแก้มได้อย่างชัดเจนว่ายุบลง แต่ใบหน้าไม่ถึงกับดูตอบลง เพราะไม่ได้ตัดไขมันออกในปริมาณที่มากนัก
การดูแลหลังการผ่าตัด
สามารถทานอาหารได้ตามปกติ และควรบ้วนปากหลังทานอาหารทุกครั้ง เพราะบางครั้ง อาจจะมีเศษอาหารติดตามบริเวณไหมที่ทําการเย็บปิดแผลไว้ ทั้งควรทานยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อตามแพทย์สั่งประมาณ 3-5 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อด้วย และควรนอนให้ศีรษะสูงขึ้น หรือใช้วิธีนั่งหลับ ร่วมกับการใช้เจลเย็นหรือน้ำแข็งประคบที่แก้มด้านนอก จะช่วยให้เลือดที่ซึมออกหยุดไหล โดยทําการในลักษณะนี้ประมาณ 2 วัน เพื่อจะทําให้แผลยุบเร็ว และลดอาการบวมของใบหน้าลงได้
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด
ขึ้นอยู่แต่ละโรงพยาบาล และคลินิก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน แต่มีราคาโดยประมาณ 10,000-25,000 บาท ระยะเวลาในการผ่าตัด ประมาณ 30 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลนั้น มีปริมาณไขมันในจํานวนที่มากหรือน้อย
ผลแทรกซ้อน
อาจมีก้อนเลือดคั่งบริเวณที่ผ่าตัดได้ และเกิดการติดเชื้อค่อนข้างง่าย ทั้งอาจจะเกิดความไม่สมดุลกันระหว่างแก้มทั้ง 2 ข้าง หลังการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้
ลดปัญหาไขมันที่แก้มด้วยวิธีการอื่นๆ
การขจัดปัญหาไขมันบริเวณแก้มนั้น สามารถทําการรักษาได้ 2 วิธีคือ การดูดไขมันหรือผ่าตัดไขมัน ซึ่งถ้าการดูดไขมัน จะพบว่ามีการเย็บแผลบริเวณด้านนอก และอาจทําให้มีพังผืดขึ้นได้ หากผิวหนังของคนไข้มีความบอบบางมาก แต่การผ่าตัดไขมันออกนั้น จะมีแผลที่ซ่อนอยู่ข้างในปาก และยังอาจเสริมด้วยการดูดไขมันตามโดยผ่านแผลในปาก แผลค่อนข้างสมานตัวได้เร็ว ส่วนผลของการรักษานั้น ออกมาในระดับที่น่าพอใจใกล้เคียงกัน วิธีการดูดไขมันมีค่าใช้จ่ายในราคาที่สูงกว่า 2-3 เท่าตัว เพราะใช้เครื่องมือเพิ่ม ส่วนวิธีการผ่าตัดเลาะไขมันอย่างเดียว จะมีราคาที่ถูกกว่า และอาจะใช้วิธีการฉีดโบท็อกซ์ร่วมด้วย เพื่อลดกล้ามเนื้อ แต่จําเป็นต้องกลับมาฉีดในภายหลังอีก 6 เดือน ทั้งควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อย่างเช่น การ เคี้ยวหมากฝรั่งตลอดเวลา หรือการเคี้ยวอาหารที่ค่อนข้างเหนียว
……………………………………………………………………………………………….
ใครที่ต้องการทําการผ่าตัด ควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ทั้งยังต้องมีความรู้เบื้องต้น โดยสอบถามจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะทุกคนที่ผ่าตัด จะคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่ออกมาไว้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งแพทย์จะต้องบอกข้อจํากัดไว้ก่อนว่า สามารถทําได้เพียงเท่าใด เพียงพอต่อความพึงพอใจของคนไข้ที่คาดหวังไว้หรือไม่ หากเกิดผลเสียตามมา จะมีการแก้ไขอย่างไร ตามหลักผู้ที่ตัดสินใจผ่าตัดศัลยกรรมทุกชนิด ควรมีสติอยู่เสมอ อาจจะเกิดผลแทรกซ้อนขึ้นได้ แล้วจะมาพูดคราวหลังว่า รู้อย่างนี้ไม่ทําดีกว่านั้นไม่ได้แล้ว เพราะการผ่าตัดลดแก้มนี้ ไม่สามารถนําไขมันกลับมาใหม่ได้อีก หากพบปัญหา ควรปรึกษาแพทย์ผู้ผ่าตัด เพื่อแก้ปัญหาได้ถูกจุด
เนื้อหาโดย Dodeden.com