เป็นระยะทางราว 30 กิโลเมตร จากตัวเมืองเชียงใหม่ ลัดเลาะขึ้นเขา ผ่านเนินสูงชัน ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็เดินทางมาถึง หมู่บ้านแม่กำปอง ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวที่นิยมมาสัมผัสวิถีชุมชนอันเรียบง่าย วิถีการเกษตรแบบชาวบ้าน ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความสงบ เรียบง่าย และแน่นอนว่าอาจจะถูกใจ ผู้ที่ชื่นชอบความ “สโลว์ไลฟ์” ไม่น้อยเลยทีเดียว
สำหรับที่มาที่ไปของหมู่บ้านแม่กำปอง เป็นหมู่บ้านเก่าแก่มีอายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาและป่าไม้เขียวชอุ่ม มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี จุดเด่นของที่นี่คือ มีลำห้วยไหลผ่านหลายสาย และในอดีตพบดอกไม้ชนิดหนึ่งขึ้นอยู่ใกล้ลำห้วย มีสีเหลืองและแดงผสมกัน ชาวบ้านเรียกว่า “ดอกกำปอง” จากนั้นจึงนำชื่อดอกไม้มารวมกับชื่อแม่น้ำ เป็นชื่อหมู่บ้าน “แม่กำปอง” ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
สิ่งที่ทำให้หมู่บ้านแม่กำปองมีชื่อเสียงขึ้นมาได้นั่นก็คือ โฮมสเตย์บรรยากาศห้อมล้อมไปด้วยแมกไม้เขียวขจี ที่ในปัจจุบันมีอยู่ราว 27 หลัง ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาผู้ใหญ่บ้าน พรหมมินทร์ พวงมาลา ผู้นำท้องถิ่นที่ได้นำลูกบ้านร่วมกันพัฒนาหมู่บ้านให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ได้พัฒนาโฮมสเตย์ให้เป็นสถานที่พักผ่อนของนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติกลางหุบเขา บวกกับการพัฒนาจุดดึงดูดของหมู่บ้านด้วยวิถีเกษตรกรรมชาวบ้าน
โดยส่วนใหญ่แล้วชาวบ้านที่นี่จะประกอบอาชีพทำการเกษตรทางเลือกในพื้นที่ที่อยู่อาศัยของตน ไม่ว่าจะเป็น การเพาะเห็ด ปลูกกาแฟ กล้วยไม้ ต้นวานิลลา เลี้ยงปลาเทราต์ ซึ่งสอดคล้องกับโครงการหลวงตีนตก ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านแม่กำปอง เป็นโครงการที่มีพระราชดำริให้ชาวบ้านพึ่งพาตนเองด้วยการทำเกษตรทางเลือก ซึ่งที่โครงการนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ มีร้านอาหารและร้านค้าผลิตภัณฑ์โครงการซึ่งได้วัตถุดิบจากผลิตผลของชาวบ้าน รวมถึงมีที่พักแบบบังกะโล เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนอีกด้วย
ดังนั้นการรวมตัวกันของชาวบ้านจึงทำให้เกิดอาชีพในชุมชน ชาวบ้านสามารถพัฒนาสินค้าเป็นของตนเอง ทำให้หมู่บ้านมีจุดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมหาศาล
หมู่บ้านแม่กำปอง ยังมีสถานที่สำคัญอีกแห่งของหมู่บ้าน ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นจุดศูนย์กลางของคนในชุมชน นั่นก็คือ “วัดคันธาพฤกษา” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดแม่กำปอง” ซึ่งวัดเล็ก ๆ แห่งนี้ มีจุดที่น่าสนใจคือมีโบสถ์กลางน้ำท่ามกลางผืนป่าเขาเขียวชอุ่ม และด้วยสภาพอากาศที่เย็นและชุ่มชื้นตลอดทั้งปี ก็จะเห็นว่าตามหลังคาอุโบสถต่าง ๆ เต็มไปด้วยตะไคร่ มอสและเฟิร์น เป็นประติมากรรมตามธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา หาดูได้ไม่ง่ายเท่าไรนัก
ด้วยธรรมชาติที่รายล้อมหมู่บ้านแห่งนี้ ถนนหนทางในหมู่บ้านที่คดเคี้ยวไปตามเขา ระหว่างทางเดินในหมู่บ้านจึงทำให้เห็นความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป ความพยายามในการพัฒนาจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวของชุมชนแห่งนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะร้านรวงในหมู่บ้านที่ออกแบบให้เป็นร้านกาแฟ มีจุดถ่ายภาพสำหรับนักท่องเที่ยว อย่างเช่นร้าน ชมนก ชมไม้ ร้านกาแฟที่มีจุดถ่ายภาพยอดฮิต สามารถมองเห็นวิวทั่วทั้งหมู่บ้านจากชั้น 3 ของร้าน
หรือร้านกาแฟชื่อน่ารักอย่างบ้านฮิมห้วย ลุงปุ๊ดและป้าเป็ง ก็มีจุดดึงดูดหน้าร้านที่เป็นโลเกชั่นในการถ่ายรูปได้อย่างเหมาะเจาะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ยังได้เห็นร้านขายของชำแบบบ้าน ๆ ร้านส้มตำ อาหารตามสั่ง ที่สร้างเป็นเพิงง่าย ๆ ตั้งอยู่ปะปนกันไปกับร้านกาแฟที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
นอกจากนี้ ประมาณ 10 กิโลเมตร ไม่ไกลจากหมู่บ้านแม่กำปองมากนัก ยังมีร้านกาแฟชื่อดังอย่าง “เดอะ ไจแอนท์ เชียงใหม่” เป็นร้านกาแฟที่มีคอนเซ็ปต์ใกล้ชิดธรรมชาติ ชนิดที่ว่าแนบแน่นเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้เลยทีเดียว เพราะร้านกาแฟแห่งนี้ตั้งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ หากจะเดินเข้าร้านก็ต้องไต่สะพานแขวนที่ทอดเป็นทางยาวเข้าสู่ตัวร้าน บรรยากาศร้านเป็นลานกว้างถูกปกคลุมด้วยแมกไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาเข้ากันดีกับบรรยากาศโดยรอบ
ทั้งสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตผู้คนที่นี่ ใกล้ชิดธรรมชาติและสโลว์ไลฟ์มาก ๆ สมกับเป็นเดสติเนชั่นอันดับต้น ๆ ของเหล่าฮิปสเตอร์ในเมืองไทยจริง ๆ
ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat