ตร.และมูลนิธิที่หาดใหญ่ บุกช่วยสาวถูกฝ่ายชายทำร้าย แล้วจับขังในบ้าน พบล็อกประตูถึง 2 ชั้น เหยื่ออยู่ในสภาพร้องไห้ตื่นกลัว เผยถูกหนุ่มหลอก ปอกลอกมานานถึง 4 ปี หมดเงินไปนับล้าน อ้างเป็นกองปราบ ยังไม่มีเมีย แต่เรื่องทั้งหมดหลอกลวงเพื่อเอาเงิน
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 16 เม.ย.58 ร.ต.อ.เอกรัฐ พิทักษ์ รองสวป.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพสามัคคี บุกเข้าช่วยเหลือหญิงสาวซึ่งถูกกักขังอยู่ภายในบ้านตึกแถว 2 ชั้น ภายในซอย 20 ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ โดยบ้านดังกล่าวมีกุญแจล็อกทั้งประตูรั้วชั้นนอกและประตูบ้านชั้นในอย่างแน่นหนา
เจ้าหน้าที่ต้องใช้คีมตัดกุญแจทั้งสองชั้นออก ก่อนบุกพังประตูขึ้นไปชั้นสองเพื่อช่วยเหลือหญิงสาวออกมาได้อย่างปลอดภัย โดยพบในสภาพถูกทำร้าย ยืนร้องไห้รอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่
ส่วนผู้ก่อเหตุรายนี้ คือ นายวัฒนา ชัยชนะ อายุ 40 ปี เป็นชาว ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปได้ปีนระเบียงหลังบ้านหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง ตำรวจต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมกว่า 5 นาที จึงยอมมอบตัว แต่ขณะจะนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.หาดใหญ่ ญาติๆ ของหญิงสาวซึ่งอยู่ในอารมณ์โกรธแค้น ได้วิ่งเข้ามารุมทำร้ายชกต่อยคนละหมัดสองหมัดทำให้เกิดชุลมุนกันขึ้นพักใหญ่ จนตำรวจต้องรีบนำตัวขึ้นรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
จากการสอบถาม พี่สาวของหญิงเคราะห์ร้ายรายนี้ ได้เล่าให้ฟังว่า น้องสาวตนถูกนายวัฒนา หลอกมานานถึง 4 ปี โดยฝ่ายชายอ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบปราม และยังเป็นโสด ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา น้องสาวถูกหลอกเอาเงินไปเกือบ 1 ล้านบาท ยังไม่พอ นายวัฒนาได้ย้ายตัวเองเข้ามาอาศัยอยู่กับน้องสาวที่บ้าน ต่อมาน้องสาวสืบทราบว่านายวัฒนา ไม่ได้เป็นตำรวจกองปราบตามที่อ้าง และมีเมียอยู่แล้ว จึงพยายามตีตัวออกห่าง แต่นายวัฒนาไม่ยอมเลิกรา
นอกจากนี้ ยังนำรถยนต์เก๋งของน้องสาวไปขาย และไม่ให้ยอมออกจากบ้าน จนภรรยานายวัฒนาตามมาถึงบ้านและช่วยกันรุมทำร้ายน้องสาวตน ส่วนสาเหตุที่ทำให้น้องสาวถูกทำร้ายในวันนี้ เนื่องจากได้ไปหานายวัฒนา เพื่อจะขอรถเก๋งคืน แต่กลับถูกทำร้ายและจับตัวขังไว้ในบ้าน ล็อกกุญแจไม่ให้ออกมา น้องสาวจึงโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
เบื้องต้นทางฝ่ายผู้เสียหาย ได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับนายวัฒนา ใน 3 ข้อหาหนัก คือ ลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และกักขังหน่วงเหนี่ยว รวมทั้งให้นำทรัพย์สินทั้งเงินสดและรถยนต์มาคืนทั้งหมด พร้อมกับแจ้งความดำเนินคดีภรรยาเก่าของนายวัฒนา เพราะเชื่อว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่ นายวัฒนา ให้การกับเจ้าหน้าที่อย่างหน้าตาเฉยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิดกัน ตนไม่ได้จับตัว กักขังหน่วงเหนี่ยวหรือทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด เพราะขณะเกิดเหตุ แฟนสาวได้มาหาที่บ้าน จึงได้ชวนทำกับข้าวเพื่อกินกัน และเพื่อความปลอดภัยจึงล็อกกุญแจหน้าบ้านไว้ขณะอยู่ในครัว นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะบานปลายไปถึงขั้นนี้เพราะการเข้าใจผิด