สาวเมืองผู้ดีวัย 24 ปี ดับคาคลินิกความงาม ขณะให้ยาสลบเพื่อผ่าตัดแก้ไขจุดบกพร่องบริเวณก้นกบด้านหลัง ด้าน ตร.จะเรียกแพทย์ ผู้ช่วยฯ และผู้เกี่ยวข้องมาสอบเพิ่มเติม พร้อมดำเนินคดี กระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

11.jpg

เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 23 ต.ค.2557 พ.ต.ท.เฉลียง อินทิพย์ พงส.ผนก.สน.พหลโยธิน รับแจ้งเหตุมีชาวต่างชาติเสียชีวิต ภายใน เอสพี คลินิก เลขที่ 1519/69-70 ถนนลาดพร้าว ซอย 41/1 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. จึงรายรายงานผู้บังคับบัญชารุดตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ รรท.ผบก.น.2 พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.นิพนธ์ เจริญศิลป์ รรท.ผกก.สน.พหลโยธิน พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน แพทย์นิติเวชฯ รพ.ตร. และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ

สำหรับที่เกิดเหตุเป็นคลินิกเสริมความงามต่างๆ อาทิ รับดูดไขมัน เลเซอร์ และเสริมทรวงอก เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น 2 คูหาตกแต่งหรูหรา ด้านนอกติดป้าย เอสพี คลินิกเวชกรรม เฉพาะทางศัลยกรรม ใบอนุญาตเลขที่ 10102000447

บริเวณชั้นล่างบนเตียงผู้ป่วย พบศพ น.ส.จอย โนอา วิลเลียม อายุ 24 ปี สัญชาติอังกฤษ สภาพนอนหงายเปลือยกาย มีผ้าปิดไว้ สวมหมวกคลุมผม บริเวณก้นกบด้านหลัง มีรอยแผลเย็บยาวประมาณ 3 นิ้ว เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบก่อนนำศพ ส่งแผนกนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ นอกจากนี้ ภายในที่เกิดเหตุพบ นพ.สมภพ แสนศิริ อายุ 51 ปี แพทย์ผู้ผ่าตัดศัลยกรรม จึงเชิญเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน

พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า จากการสอบปากคำ นพ.สมภพ ให้การว่า ผู้ตายเป็นคนไข้ที่เคยมารับบริการศัลยกรรมความงามของคลินิก แต่ครั้งนี้มาแก้ไขศัลยกรรมในตำแหน่งเก่าเพิ่มเติม แต่เกิดเสียชีวิตระหว่างที่แพทย์กำลังให้ยาสลบ ผ่านสายน้ำเกลือ บริเวณชั้น 2 ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายศพลงมาที่ห้องรักษาพยาบาลชั้นล่าง

12

รอง ผบช.น.กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะมีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง แพทย์ผู้ผ่าตัด ผู้ช่วยแพทย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำอย่างละเอียด พร้อมตรวจสอบภายในคลินิกว่ามีอุปกรณ์การช่วยชีวิตถูกต้องครบถ้วนตามระเบียบ สถานพยาบาลหรือไม่ และนำศพผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรศพหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง นอกจากนี้จะประสานไปยังสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อติดต่อญาติผู้เสียชีวิต เบื้องต้นแพทย์ผู้ดำเนินการผ่าตัด เข้าข่ายความผิด “กระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” ก่อนดำเนินขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

เรื่องน่าสนใจ