Nose

คงไม่ไกลเกินฝันหากประเทศไทยจะกลาย เป็นเมืองศัลยกรรมแห่งเอเชีย เพราะจากสถิติพบว่าชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือชาวยุโรป และสหรัฐอเมริกา ก็ล้วนเดินทางมาทำสวยกันที่ประเทศไทยทั้งสิ้น โดยส่วนใหญ่นิยมทำจมูกมากที่สุด ไม่เว้นแม้แต่คนไทยด้วยกันเอง ซึ่งขอย้ำว่าทุกเพศจริงๆ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย กะเทย เกย์ ทอม ล้วนนิยมทำศัลยกรรมจมูกสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง

สำหรับเทรนด์ศัลยกรรมตกแต่งปลายจมูกขณะนี้ คือการทำเป็นรูปทรงหยดน้ำ โดยในงานประชุมวิชาการเชิงปฎิบัติการ Masterclass Rhinoplasty ซึ่งมีการนำเสนอผลงานวิชาการและการวิจัยใหม่ๆ เกี่ยวกับการทำศัลยกรรมเสริมจมูก นพ.จำรูญ ตั้งกีรติชัย ศัลยแพทย์ไทยที่มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ได้นำเสนอการศัลยกรรมเสริมจมูกรูปทรงหยดน้ำด้วยการใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู ว่า รูปหน้าของสาวเอเชียมักมีปัญหาปลายจมูกสั้น ทำให้เป็นสันและได้รูปทรงหยดน้ำยาก ตนจึงคิดต่อยอดด้วยการนำกระดูกอ่อนหลังใบหู ซิลิโคน และไขมัน มาใช้โดยพัฒนาเป็น 3 ขั้นตอน คือ

  1. การใช้ซิลิโคนเป็นตัวช่วยให้สันจมูกมี ความสูงขึ้น แต่ต้องระวังในความสั้นยาวของซิลิโคนเพราะปลายจมูกของคนไข้บางคนอาจจะบาง อาจทำให้ซิลิโคนทะลุได้ ซิลิโคนจะวางเพียงด้านบนไม่ต้องถึงปลาย
  2. กระดูกอ่อนหลังใบหู ถือว่าเหมาะกับคนไทย เพราะปลายความโค้งจะใกล้เคียงกันพอดี เป็นตัวช่วยสำคัญให้ได้จมูกรูปทรงหยดน้ำ และ
  3. นำไขมันนำมาวางทับบนกระดูกหู เพื่อทำให้ปลายจมูกดูนุ่มนวล เป็นธรรมชาติมากขึ้น

“สาเหตุที่นำกระดูกหูมาใช้คือ นอกจากมีขนาดที่พอดี มีคุณสมบัติเหมาะสมแล้ว เมื่อนำออกมาใช้ยังไม่ทำให้ใบหูผิดรูปอีกด้วย ซึ่งเสริมจมูกด้วยวิธีนี้จะทำให้ซิลิโคน กระดูกใบหู และไขมันวางเรียงซ้อนจนดูเป็นเนื้อเดียวกันอย่างธรรมชาติ เมื่อมีเลือดมาหล่อเลี้ยงจะเชื่อมต่อกันอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังเป็นเนื้อเยื่อของตัวเองไม่เป็นของแปลกปลอมในร่างกาย และเมื่อมีการเอาเยื่อหุ้มกระดูกมาด้วยจะช่วยลดการหดตัวและทำให้เลือดไป เลี้ยงได้ง่ายขึ้น โอกาสติดเชื้อก็จะน้อยลงตามไปด้วย สามารถอยู่ได้ตลอดชีพ ทั้งนี้ การเสริมจมูกด้วยวิธีดังกล่าว ได้ทำมาเกือบ 5 ปีแล้ว โดยใช้เวลาในการคิดค้นและพัฒนาขณะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา”

ด้าน นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย เสนอผลงานวิจัยต่อยอดการเสริมจมูกด้วยการปลูกถ่ายไขมัน ว่า จากเดิมที่นำไขมันจากหน้าท้องลักษณะเป็นชิ้นเล็กๆ มาวางเรียงเพื่อให้เกิดสันจมูกที่โด่งขึ้น ปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบโดยทำให้ไขมันดังกล่าวมีขนาดที่เล็กลงจนสามารถ นำไปฉีดเข้าที่จมูก โดยไม่ต้องเจาะโพรงจมูก ทำให้อาการบวมช้ำหลังเสริมจมูกมีน้อยลงมาก โดยการเตรียมไขมันก่อนฉีดเสริมจมูกควรทำให้แห้งหมาดๆ โดยใช้ผ้าก็อตซับ ทำให้มีจำนวนของเสต็มเซลล์เพิ่มมากขึ้น และสเต็มเซลล์นี้เองที่ทำให้ไขมันที่นำไปปลูกถ่ายมีชีวิตต่อโดยไม่ละลาย ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่า Fat + Fat Stemcell Rich

“ข้อดีของการเสริมจมูกด้วยไขมันคือ เป็นเนื้อเยื่อของคนไข้เองไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมจึงไม่มีผลข้างเคียง รูปทรงเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ซิลิโคนยังเป็นวัสดุพื้นฐานที่สำคัญในการศัลยกรรมตกแต่งเสริมจมูก เนื่องจากสามารถตัด ดัดแปลงให้เป็นรูปทรงต่างๆ เพียงแต่ต้องอาศัยทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของแพทย์แต่ละท่านในการทำ ให้ดูเป็นธรรมชาติ”

แม้วิทยาการและเทคโนโลยีการ ศัลยกรรมจะพัฒนาไปอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศัลยกรรมเสริมจมูก ซึ่งหัวใจสำคัญคือ ความเป็นธรรมชาติ เสริมแล้วดูสวยขึ้น ด้วยอาศัยความรู้ทั้งเรื่องกายวิภาค โครงสร้างจมูก การวิเคราะห์สัดส่วนใบหน้า เครื่องมือการเสริมจมูกและการตกแต่งจมูกด้วยวิธีต่างๆ และประเภทยาที่ใช้ แต่ที่แพทย์และคนไข้จะต้องพึงระลึกไว้เสมอนั่นก็คือ ทุกอย่างต้องมาพร้อมกับความปลอดภัย!!

 

ที่มา : www.manager.co.th

เรื่องน่าสนใจ