ขอบคุณภาพประกอบ ดีเจเจ้แหม่ม ศัลยกรรมปลูกผม
ศัลยกรรมปลูกผม ในปัจจุบันนั้นที่ได้รับความนิยมและทำกันอย่างแพร่หลาย จัดเป็นศัลยกรรมความงามแก้ไขปัญหาศีรษะล้าน ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชายที่ทำกันมากในปัจจุบัน เพราะได้ผลดี และสามารถปลูกได้ทุกที่ของหนังศีรษะ แม้บริเวณนั้น ๆ จะไม่เคยมีเส้นผมมาก่อนก็ตาม
การปลูกผมในปัจจุบันมีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Follicular Unit Transplantation โดยการปลูกจะใช้กล้องจุลทรรศน์ เข้ามาช่วยในการแบ่งกอผม ผมกอหนึ่งจะมีเส้นผม 1-4 เส้นเท่านั้น โดยทำให้เส้นผมที่ขึ้นมาใหม่แยกไม่ออกจากเส้นผมธรรมชาติ
วิธีการปลูกผม
แพทย์จะย้ายเซลล์สร้างเส้นผมจากบริเวณท้ายทอย ซึ่งเป็นผมที่แข็งแรง มาปลูกยังบริเวณศีรษะที่ไม่มีผม คล้ายกับการย้ายต้นไม้ จากที่หนึ่งไปปลูกยังอีกที่หนึ่ง ที่สำคัญคือต้องระวัง ไม่ให้เซลล์ผมถูกตัดขาด ชอกช้ำ หรือตายในระหว่างการย้าย มิฉะนั้น ผมจะไม่ขึ้นหรือขึ้นน้อย นอกจากนั้น ต้องมีการจัดเรียงทิศทางของเส้นผมที่ปลูก ให้เป็นระเบียบ และปลูกให้ได้ความหนาแน่นพอสมควร ไม่มากหรือน้อยเกินไป เส้นผมที่ขึ้นใหม่จึงจะแลดูเป็นธรรมชาติ
การปลูกผมแบบนี้ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องทำในโรงพยาบาลเท่านั้น สามารถทำที่คลินิกที่มีอุปกรณ์ที่พร้อมได้ โดยที่การผ่าตัดนั้นจะใช้เพียงยาชาเฉพาะที่เท่านั้น และหลังผ่าตัดเสร็จก็สามารถกลับบ้านได้เลย และหลังปลูกผมไปแล้ว 24-48 ชั่วโมงจึงจะสามารถสระผมได้ โดยแพทย์จะนัด ให้มาสระผมเพื่อทำความสะอาดและแนะนำวิธีสระผมที่ถูกต้องให้ จากนั้นก็สามารถสระผมเองได้ทุกวัน ควรหยุดงาน 1-3 วัน ผมที่ย้ายมาปลูกจะติดแน่นหลังปลูกประมาณ 1 สัปดาห์ หลังสัปดาห์ที่ 2 ผ่านไปแล้วผมที่ปลูกจะเริ่มทยอยร่วงออก จนเกือบหมด เนื่องจากเซลล์สร้างเส้นผม จะเข้าสู่ระยะพักการสร้างเส้นผม ประมาณ 3-4 เดือนผม ที่ปลูกก็จะงอกจากหนังศีรษะขึ้นมาใหม่ และจะงอกต่อไปเรื่อยๆ เหมือนเส้นผมปกติ คุณสามารถตัดผม สระผม ดัดผมหรือย้อมผมและทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติโดยไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษ ผมที่ปลูกจะอยู่คู่กับคุณตลอดไป แม้ร่วงไปแล้วก็จะงอกใหม่อีกเช่นเดิม
การปลูกผมเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างปลอดภัย ผลแทรกซ้อนที่พบได้ เช่น อาจเกิดการบวมบริเวณหน้าผากหลังการ ปลูกผม หรืออาจเกิดตุ่มหนองเล็กๆ คล้ายหัวสิวได้บ้างบริเวณรูขุมขนที่ปลูก ซึ่งอาจให้ยาปฎิชีวนะเพื่อการรักษา หรืออาจมีอาการชาบริเวณหนังศีรษะหลังการปลูก ซึ่งอาการดังกล่าวก็มักจะหายไป และการติดเชื้อมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นมีไม่ถึง 0.1% (1 ใน 1000 ราย) เท่านั้นเอง
เรียบเรียงโดย โดดเด่น เวปศัลยกรรมคุณภาพ อันดับ 1
ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaihairclinic.com