อีกหนึ่งสีสันของวงการบันเทิงไทย คือ ‘นิตยสารบันเทิง’ ที่คอยนำเสนอข่าวคราวต่างๆ ของเหล่าดารา ให้ได้อ่านกันอย่างเพลิดเพลิน พระเอก-นางเอกเงินล้านมีเยอะแล้ว บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปรู้จักกับ กะเทยเงินล้าน เดซี่ สมชาย เล็กน้อย เจ้าของนิตยสารบันเทิงชื่อดัง จากตุ๊ดหัวโปกที่เคยอัปลักษณ์ ต้องสู้ชีวิตสุดฤทธิ์สุดเดช
อดีตที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง จากเด็กบ้านแตก ต้องเร่เก็บขยะขาย ซุกหัวนอนในบ้านแคบๆ แถวดงยาเสพติด สุ่มเสี่ยงต่อการเสียคน เคยเกือบจะไปขายตัวที่บาร์เกย์แถวสีลม วันนี้สู้ๆ จนประสบความสำเร็จ…ตั้งใจมุ่งมั่นไว้ ปลายปีนี้ถ้าไม่ผิดแผน เดซี่จะกลายเป็นเจ้าของนิตยสารบันเทิงรวม 10 ฉบับ
“ต้องบอกก่อนค่ะว่า เดซี่เกิดมาจากครอบครัวที่แตกแยกกัน พ่อไปทางแม่ไปทาง ฐานะทางบ้านยากจน อยู่ในสลัมแถวจังหวัดสมุทรปราการ ใกล้ๆ สุสานคนจีน ย่านนั้นเมื่อก่อนต้องขอบอกว่าเป็นดงยาเสพติด มีทุกอย่างที่อยากได้ ทั้งขายทั้งเสพ พ่อของเดซี่เองก็ติดยา จนทำให้ครอบครัวแตกแยก ตอนเด็กๆ พ่อจะมีซาเล้งเก่าๆ 1 คัน เก็บขยะตามกองขยะ เดซี่เองก็ต้องออกไปกับพ่อ ไปเก็บพวกขวด กระป๋อง พลาสติก เหล็ก เอาไปชั่งกิโลฯ ขาย
วันๆ หนึ่งก็ได้ไม่กี่สิบบาท อาจเป็นเพราะว่าพ่อเราก็แก่ เราก็ตัวเล็ก เข็นรถกันไม่ไหวก็เลยเก็บได้น้อย แต่เงินส่วนมาก พ่อก็เอาไปซื้อยาเสพติดหมด เดซี่ก็ไปโรงเรียนบ้าง ขาดเรียนบ้าง เพราะไม่มีเงินไปโรงเรียน จนทางครูที่โรงเรียนมาตามที่บ้านภายหลัง จึงได้รู้ว่าทำไมเราขาดโรงเรียนบ่อย ก็เพราะว่าครอบครัวเราเป็นแบบนี้ (น้ำตาซึมนิดๆ)
“ตอนเด็กๆ เดซี่ก็จะได้ทุนยากจนจากโรงเรียนบ้าง ได้ชุดนักเรียน หนังสือ สมุดดินสอ จนจบ ป.6 เดซี่ก็มาอยู่กับแม่และได้เรียนจนจบ ม.3 แต่กว่าจะจบ ม.3 ได้ก็เหนื่อยสุดๆ แทบรากเลือดเหมือนกัน เพราะว่าต้องไปช่วยพ่อเก็บขยะเหมือนเดิม พ่อเราแก่ลำบากก็ต้องออกไปช่วย บางวันก็จะออกไปเลือกปลาตามแพปลา ที่มีเรือประมงลากปลา คัดแยกปลาแต่ละประเภท ได้เงินวันละ 80 บาท เพื่อเอามาเรียนหนังสือให้จบ ม.3 เพราะแม่เราก็ฐานะยากจนเหมือนกัน อีกอย่างแม่มีครอบครัวใหม่ มันก็ไม่สะดวกนักที่จะเอาเงินมาให้เรา แต่แม่ก็เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดในชีวิตเหมือนกัน (น้ำตาคลอ)
“หลังจากนั้นก็ไปเป็นพ่อค้าขายดอกไม้ คือต้องบอกก่อนเลยว่า ดอกไม้นี่คือดอกไม้ผ้านะไม่ใช่ดอกไม้สด ตอนนั้นเราไปเก็บขยะกับพ่อนี่แหละ แล้วเจอเศษดอกไม้ผ้าที่โรงงานเอามาทิ้ง เราก็มองว่าเออ ดอกไม้มันก็ยังสวยอยู่นะ ก็เลยลองนำมาประดิษฐ์ใหม่ แล้วก็เอามาขาย สรุปว่าขายดีมาก เราก็เลยเก็บเศษดอกไม้เหล่านั้นมาประดิษฐ์ใหม่ ก็ขายดอกไม้เก็บขยะด้วยควบคู่กันไป จนเรียน จบ กศน เทียบวุฒิได้คือ ม.ปลาย คือตัวเดซี่เอง ไม่เคยหยุดเรื่องการเรียน คิดเสมอว่าการเรียนสำคัญที่สุด!!! การศึกษาคืออนาคตของเรา
ถ้าเราเกิดมาจนแล้ว ไม่ขวนขวายเรื่องการเรียน เราก็จะจนอยู่อย่างนี้ ตอนเด็กๆ คิดเสมอว่าถ้าเราจะรวย เราต้องจบปริญญา ซึ่งตอนนั้นเราก็เด็กมาก แต่ไม่รู้ว่าคิดได้ไง อาจเป็นเพราะว่าดูละครเยอะไปหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ (ยิ้ม) แต่มันก็คือเรื่องจริง ปกติเขาเรียน กศน. กันแค่ปีเดียว หรือ 2 ปี ก็จบ แต่เดซี่เรียน 3 ปีเลย บอกตามตรงตอนนั้นก็ท้อเรียนไม่จบสักที แต่ก็คิดเสมอว่าเราต้องทำได้ ต่อให้มันเรียนสัก 5 ปีก็ต้องทน!!! สุดท้ายก็จบภายใน 3 ปี จากนั้นก็ไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่รามคำแหง”
“พอได้เรียนระดับมหาวิทยาลัย ตอนนั้นเรารู้สึกดีใจมากๆ เราทำได้อีกขั้นหนึ่งแล้วนะ ไม่คิดว่าเราจะทำได้ เพราะหลายคนดูถูกเราไว้ว่า น้ำหน้าอย่างเราเหรอ จะทำได้ไง ใครจะส่งเสียให้เรียน มันใช้เงินเยอะนะ เดซี่ก็คิดว่า ทำไมจะเรียนไม่ได้ มหาลัยรามคำแหง หน่วยกิตแค่ 25 บาท เทอมๆ หนึ่งเสียเงินไม่ถึงพัน ทำไมเราจะหาเงินเรียนไม่ได้ ก็มีอีกกระแสหนึ่งบอกว่าเรียนรามยากนะ ไม่จบหรอก ยิ่งเราไม่มีพื้นฐานเรียน ม.ปลาย เราจะไปเรียนได้อย่างไร ก็ในเมื่ออยากเรียนและเราไม่มีเงินเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน มันก็มีอยู่ที่เดียวคือรามคำแหงนี่แหละ จะเรียนสักกี่ปีก็ช่าง เดี๋ยวมันก็จบเอง แต่ขอบอกว่าเดซี่เรียนแค่ 3 ปีครึ่งก็จบปริญญา คณะมนุษยศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชน (ยิ้ม)
“ชีวิตในช่วงระดับมหาวิทยาลัย บอกเลยได้ว่าสังคมใหญ่มาก เพื่อนๆ มีหลายระดับ ในเมื่อจะต้องอยู่ในสังคมนี้ เราต้องทำยังไง ทุกอย่างมันใช้เงินทั้งนั้น ตอนนั้นเดซี่เองก็ไม่ได้แต่งหญิงเพราะไม่มีเงินจะแต่งหญิง ก็แต่งชายทั่วไป บอกเลยว่าหน้าตาไม่ดีเลย (เน้นเสียงดังมากๆ) สิวเขรอะ ตัวดำ เสื้อผ้าหน้าผมบอกเลยว่า ไม่ได้ดูดีเลยสักนิด ด้วยความที่เราอยากมีงานมีเงิน เดซี่ก็เลยคิดง่ายๆ ตัดสินใจไปขายตัวที่สีลมไปสมัคร เพราะคิดว่ามันคงไม่เสียหายอะไรมากนัก อีกอย่างจะได้ฝึกภาษา โชคดีหน่อยอาจได้แฟนฝรั่งรวยๆ ไปเลยเพราะฝรั่งคงชอบเน่าๆ แบบเรา (หัวเราะร่วน)
แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดสิคะ วันแรกที่ไปสมัคร ทางร้านให้เราแก้ผ้าขึ้นโชว์บนเวที ตอนแรกเราก็คิดว่านั่งดริ้งค์ธรรมดา เราก็ทำได้อยู่หรอก แต่ปรากฏว่าเราต้องโชว์แก้ผ้าโชว์ มีเซ็กซ์โชว์บนเวที เดซี่ก็เลยรีบขอทางร้านว่า ขอดูงานก่อนนะ วันนี้ยังไม่พร้อมจริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำ แต่พอถึงวันพรุ่งนี้จริงๆ เดซี่ก็ไม่ไปเพราะรับไม่ได้ ทำไม่ได้ ขยะแขยง บอกตามตรงเลยตอนนั้นคิดอย่างนั้น สุดท้ายเดซี่ก็กลับไปขายดอกไม้คุ้ยขยะเหมือนเดิม จนจบปริญญาตรีนั่นแหละ”
“ก็ต้องขอบคุณพี่แก้ว พรีเมียร์ (ศิริ เหลืองสวัสดิ์ อดีตผู้จัดการ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ , นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี ฯลฯ) มากๆ ที่ให้โอกาสเดซี่ได้ทำงานที่หนังสือ ก๊อซซิบสตาร์ Gossip Star ตอนแรกได้เป็นตำแหน่งนักข่าว บอกเลยว่าตอนนั้นบูมมาก หนังสือดังมาก เดซี่ก็ได้เครดิตตรงนี้แหละติดตัวในการทำงาน จนได้ตำแหน่งเป็น บก.ก๊อซซิปสตาร์ ทำงานที่นี่มา 8 ปี ได้ประสบการณ์ทำหนังสือจากพี่แก้วมาเยอะ ต้องขอบคุณมากๆ ถ้าไม่มีพี่แก้ว ก็คงไม่มีเดซี่ทุกวันนี้”
“พอลาออกจากก๊อซซิบสตาร์ เดซี่ก็มาเปิดสำนักพิมพ์เอง ตอนนั้นมีเงินเก็บประมาณ 7-8 แสน วิชาความรู้เราก็มี การทำหนังสือบันเทิงให้ขายได้ ต้องขายอะไร ลูกค้าต้องการอะไร คนอ่านต้องการอะไร ทำหนังสืออย่างไรให้ขายได้ไม่ขาดทุน เรารู้อยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจลงมือทำ มีผู้ใหญ่หลายคนในวงการสื่อ เตือนว่าอย่าทำเองเดี๋ยวจะหมดตัว!!! การทำหนังสือไม่เคยมีใครได้กำไรมีแต่ขาดทุน เดซี่ก็คิดๆ ก็มองว่าจะขาดทุนได้ยังไง ในเมื่อเราเคยทำหนังสือ ก๊อซซิปสตาร์ ให้ดังได้ขนาดนั้น ยอดขายกระหน่ำ แล้วทำไมเราจะทำหนังสือตัวเองให้ขายได้ไม่ได้จริงไหม
“ก็เริ่มต้นจากทำหนังสือเล่มแรกก่อน เอ็กซ์คลูซีฟสตาร์ Exclusive Star ต้องขอบคุณพี่ๆ หลายคนทางเซเว่นฯ อีเลฟเว่น 7-11 ที่คอยเป็นที่ปรึกษา วางแผนการตลาดให้ โดยเฉพาะพี่โอเป็นพี่ที่ใจดี น่ารักมากๆ จากเล่มแรกจนวันนี้เราเปิดได้ 2 ปี หนังสือยังไม่เคยขาดทุนเลย ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เน้นการขายโฆษณา เราเน้นขายที่ข่าวบันเทิงล้วนๆ
จากนั้นเราก็ปรึกษาทางเซเว่นฯ อีกว่าเราจะเปิดหนังสืออีกหลายฉบับ ทางเซเว่นฯ ก็ยินดี บอกว่าบริษัทของเดซี่ หนังสือเราขายดีและมีคอนเซปต์ดีๆแปลกๆ ตรงกับเซเว่นฯ ซื้อง่ายขายคล่อง เราจึงทำนิตยสารบันเทิงเล่มที่ 2 ตามมาอีกคือ สตาร์ว้อนท์เต็ด Star Wanted เป็นหนังสือแนวซุบซิบดารา ยอดขายก็น่าพอใจ พอมีกำไรอยู่บ้าง เราจึงมีหนังสือออกมาเรื่อยๆ คือ เจาะละครดัง, ผ่าดวงโหรดัง, แฟชั่นแฟนคลับ Fashion Fanclub,โอ เยส OH YES และก็เร็วๆ นี้กำลังจะมีหนังสือคลอดออกมาใหม่ เพื่อให้ครบ 10 ฉบับ ซึ่งทางเราก็ได้จดทะเบียนหัวหนังสือเรียบร้อยแล้วคือ อันเซ็นเซอร์ นิวส์ UNCENSORED NEWS, ศัลยกรรมดารา, ฮัลโหลเดซี่ HOLLO DEZY, และ เอ็กซ์ นิวส์ X-news รวมเป็น 10 ฉบับ”
“ถือว่าประสบความสำเร็จมากเกินคาด เพราะเดซี่เริ่มจากทุนแค่ 750,000 บาท ภายใน 2 ปี มีเงินหมุนเวียน 10 กว่าล้านแค่นี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ไม่ต้องรวยเป็นร้อยล้านพันล้านหรอก แค่พอเลี้ยงตัวเองรอด เลี้ยงลูกน้องรอด ทำงานด้วยกันด้วยความสุขสบายใจ และสิ้นปีมีโบนัสก็พอแล้วค่ะ ส่วนอนาคตไม่แน่นอน เราก็คงไม่หยุดนิ่ง อยากจะหาอะไรใหม่ๆ ทำอีก ก็ต้องรอกันต่อไปค่ะ”
“อ.ลักษณ์ เรขานิเทศ ท่านเคยดูให้จริงและทำนายเราว่า จะเป็นเจ้าแม่สื่อบันเทิงคนใหม่ ตอนนั้นเราก็ตกใจตาโต โอ้โห!!! เป็นไปได้เหรอ นั่นคือล้มพี่ติ๋ม ทีวีพูล เลยนะ เราคงไม่คิดไม่อาจเอื้อมขนาดนั้น แต่อาจารย์ลักษณ์บอกว่า ยุคใครยุคมัน เราเป็นอีกเจเนเรชั่นหนึ่งเหมือนพี่ติ๋ม ทีวีพูล ก็เคยเด่นดังมาแล้วช่วงหนึ่ง เพราะทุกอย่างมันต้องมีคลื่นลูกใหม่และคลื่นลูกเก่า ตอนที่อาจารย์ลักษณ์ดูให้ ตอนนั้นเดซี่ยังเป็น บก. (บรรณาธิการบริหาร) ก๊อซซิบสตาร์ แต่อาจารย์ทำนายว่าอนาคตเราจะมีหนังสือเป็นของตัวเอง เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์มีหนังสือในเครือหลายเล่ม เราก็ได้แต่งง ยิ้มอยู่ในใจ นึกอยู่ว่าการลงทุนทำหนังสือต้องใช้เงินเยอะมากๆ เป็น 10 ล้าน จะเอาเงินมาจากไหน แต่สุดท้าย!!! วันนี้มันก็เป็นไปตามคำทำนายของอาจารย์เหมือนกัน”
“ก่อนและหลังทำ ต้องบอกว่าเปลี่ยนมากๆ หน้ามือเป็นหลังมือ ไม่เคยคิดว่าเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้ จากแต่งตัวเป็นผู้ชายแอ๊บแมนทั่วๆ ไป กลายเป็นสาวประเภทสอง ทำทุกอย่างในร่างกาย จากที่เราเคยแอบชอบใครจีบไม่เคยติด เพราะเราหน้าตาไม่ดี แต่พอเราทำศัลยกรรม บอกเลยว่าก็ไม่ได้สวยอะไรนัก แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมากๆ เพราะบนใบหน้าเดซี่ทำแค่จมูกอย่างเดียวแล้วก็ฉีดพวกโบท็อกซ์ด้วย ส่วนร่างกายก็ทำแค่หน้าอกกับแปลงเพศ แค่นี้ก็ครบแล้วมั้ง (ยิ้มกว้าง)
ต้องบอกว่าหลังจากที่เราเปลี่ยนแปลงชีวิตเรามาเป็นแบบนี้ การติดต่องานประสานงานในการทำหนังสือก็ง่ายขึ้น ใครๆ ก็อยากเข้ามาคุยกับเรา ทำให้เราได้ลูกค้า นั่นคือส่วนประกอบอย่างหนึ่ง แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้หนังสือในเครือเดซี่ขายได้ขายดี คือเนื้อหาที่เด็ดโดนใจคนอ่านด้วยนะคะ ก็เลยคิดว่ายุคนี้ศัลยกรรมมันช่วยเราได้จริงๆ มีคนมาตามจีบเหมือนกัน จากที่เมื่อก่อนไม่เคยมีใครสนใจเลย (เน้นเสียงดังมากๆ)
“ชีวิตของเดซี่มันยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าเนอะ ยิ่งกว่าติดลบอีก อยากจะบอกว่า ถึงแม้ทุกคนเกิดมาวาสนาไม่เท่ากัน มีโอกาสไม่เหมือนกัน จะเกิดมาในครอบครัวแตกแยกแบบไหนก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะก้าวไปให้ถึงดวงดาว หรือสิ่งที่เราฝันไม่ได้ หากเรามีความพยายาม และพยายามเดินหาโอกาสด้วย ไม่ใช่นั่งรอแต่โอกาส สักวันหนึ่งเราก็จะไปถึงตามที่เราฝัน ที่สำคัญเดซี่ก็ยังเน้นเรื่องการศึกษา การเรียนรู้สำคัญที่สุดค่ะ เราต้องเรียนรู้ศึกษาและพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ”.
ที่มา : thairath
