ชาวบ้านทั่วไปมักจะเข้าใจว่าศัลยกรรมตกแต่งก็คือศัลยกรรมที่ทำแต่เฉพาะตาสองชั้น เสริมจมูก ดึงหน้า ดูดไขมัน เป็นต้น แต่โดยความเป็นจริงแล้ว ศัลยกรรมตกแต่งเป็นศัลยกรรมที่มีขอบข่ายในการผ่าตัดดูแลรักษาผู้ป่วยค่อนข้างกว้างขวางมาก รวมทั้งการแก้ไขความพิการแต่กำเนิด เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่ เกิดมามีใบหน้าผิดรูป ศัลยกรรมทางมือในผู้ป่วยอุบัติเหตุ ความพิการปกติทางมือแต่กำเนิด การดูแลรักษาผู้ป่วยที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก การดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่คอ ปาก ผิวหนัง ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุมีบาดแผลที่หน้า และกระดูกหน้ากรามหัก
ทางด้านจุลศัลยกรรม การผ่าตัดด้วยกล้องจุลทรรศน์ เช่น การต่อนิ้วมือ รวมทั้งการย้ายเนื้อเยื่อจากที่หนึ่งไปปิดอวัยวะอื่นที่เนื้อขาดหายไป โดยการต่อเส้นเลือดและเส้นประสาท และสาขาสุดท้ายเป็นศัลยกรรมเสริมสวย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน ของศัลยแพทย์ตกแต่งและเสริมสร้าง
การทำศัลยกรรมเสริมสวยให้ได้ผลดี และมีการพัฒนาวิธีการผ่าตัดใหม่ๆ ได้ แพทย์ควรจะได้รับการฝึกอบรมในด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างให้ครบทุกสาขาวิชาที่แพทยสภากำหนด และได้รับวุฒิบัตร หรืออนุมัติบัตร รับรอง ความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาศัลยศาสตร์ตกแต่ง
โดยสรุป ศัลยกรรมตกแต่ง แบ่งเป็นสาขาได้ 7 สาขาวิชา
สาขาที่ 1 ศัลยกรรมที่แก้ไขความพิการแต่กำเนิด เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่ ใบหน้าผิดรูป
สาขาที่ 2 ศัลยกรรมทางมือ เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุ ทางมือจากโรงงาน รถยนต์
สาขาที่ 3 ได้แก่ การรักษาผู้ป่วยที่ถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
สาขาที่ 4 ได้แก่ การรักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่หน้าและคอ
สาขาที่ 5 การดูแลผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บกระดูกหักที่หน้า ส่วนใหญ่จากอุบัติเหตุรถยนต์
สาขาที่ 6 ได้แก่ จุลศัลยกรรม การผ่าตัดด้วยกล้องจุลทัศน์ เช่น การต่อนิ้วมือผู้ป่วย
สาขาที่ 7 ได้แก่ ศัลยกรรมเสริมสวย และความงาม
ขอบคุณที่มา kapook.com