ศธ.สั่งทบทวนมติ ไม่รับเด็กมีรอยสัก-ระเบิดหู เข้าเรียนในปีการศึกษา ยันสถาบันการศึกษาควรให้โอกาส
จากกรณีสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย มีมติลงสัตยาบันควบคุมพฤติกรรมนักศึกษา โดยจะไม่รับนักเรียนที่มีรอยสักและระเบิดหูเข้าเรียนในปีการศึกษา 2559 เพื่อป้องกันกลุ่มบุคคลไม่พึงประสงค์แอบแฝงเป็นนักศึกษา
นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ได้สั่งการให้นายอดินันท์ ปากบารา เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เชิญนายกสมาคมฯมาพูดคุยเพื่อทบทวนมติดังกล่าว โดยตนมองว่ารอยสักหรือระเบิดหู เป็นเหตุการณ์บางช่วงของชีวิตวัยรุ่น ไม่ได้สะท้อนถึงพฤติกรรมเสมอไป
การตัดสินไม่รับเข้าเรียนจะถูกมองว่าเลือกปฏิบัติ ตนเข้าใจว่าเป็นความพยายามจะลดปัญหาการก่อเหตุทะเลาะวิวาทตั้งแต่ต้นลม แต่เด็กบางคนอาจต้องการแค่เรียนรู้ สถาบันการศึกษาควรให้โอกาสและเป็นผู้อบรมบ่มนิสัย
ปลัด ศธ.กล่าวอีกว่า การรับนักศึกษาต้องดูว่าเด็กมีความรู้ทักษะที่สามารถจะเรียนได้หรือไม่ แต่ถ้ากังวลว่าเด็กเหล่านี้จะก่อเรื่องก็ควรจะหาวิธีอื่น อาทิ การไปตรวจสอบประวัติว่ามีพฤติกรรมเหล่านั้นหรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้สถาบันการศึกษาเอกชนจะสามารถกำหนดหลักเกณฑ์การรับนักศึกษาได้เอง แต่คงต้องมีการพูดคุยว่ามติดังกล่าวมีขอบเขตมากน้อยแค่ไหน ถ้าออกมาแล้วมีผลให้อาชีวศึกษาเอกชนทั้งหมดต้องปฏิบัติตาม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ก็สามารถออกมาตรการป้องปรามได้ เพราะบางแห่งก็ยังรับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐอยู่ หากสถาบันใดยังยืนยันว่าจะดำเนินการตามมติดังกล่าว ก็อาจอยู่ในบัญชีรายชื่อการพิจารณาสนับสนุนงบประมาณในอนาคตได้
ขณะที่ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ไม่มีนโยบายห้ามสถานศึกษารับเด็กนักเรียนที่มีรอยสัก หรือระเบิดหู เข้าเรียน เพียงแต่จะกำชับให้ดูแลพฤติกรรมการแต่งกายการประพฤติให้อยู่ในระเบียบเรียบร้อย.