สกาย CK จากเด็กหนุ่มมาดนิ่งของรั้ววิทยาลัยนาฏศิลปสุโขทัย รัชชานนท์ สวนมาลานนท์ หรือ ที่รู้จักกันดีว่า “สกาย ซีเค แดนซ์” โคโยตี้บอยสุดฮอตในช่วงเวลานี้ ใครจะรู้บ้างว่ากว่าที่สกายจะมีวันนี้ได้ต้องฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ นานามานับครั้งไม่ถ้วน เพราะชีวิตของสกายไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนที่ใครๆ อาจจะมองภายนอกว่าทำงานสบาย หรือ ในอีกแง่มุมหนึ่งก็คือในสายตาของคนที่มักจะมองโคโยตี้ในแง่ลบว่าต้องเป็นอาชีพที่ขายตัว นุ่งน้อยห่มน้อยให้แขกที่มาเที่ยวกลางคืนลวนลาม
แต่ความเป็นจริงนั้น รัชชานนท์ สวนมาลานนท์ เปิดใจกับ “บางกอก ทูเดย์” ว่า ตนเติบโตมาจากจังหวัดสุโขทัย เกิดที่จังหวัดสุโขทัย มีบ้านอยู่ที่นั้น แต่ด้วยความที่พ่อกับแม่ไม่เข้าใจกันทำให้ท่านทั้งสองต้องแยกทางกัน ตั้งแต่ตนยังเด็ก
แต่ทั้งนี้รัชชานนท์ก็ไม่ได้ถือเอามาเป็นจุดด้อยของตนเอง เพราะเขาตั้งใจเรียนวิทยาลัยนาฏศิลปสุโขทัยจนกระทั่งจบ แถมยังได้ส่งตัวเองเรียนอีกด้วย
“ตอนนั้นผมจำได้ว่า ผมนำเงินที่ได้จากวิชาความรู้ในการเรียนนาฏศิลป ซึ่งทำให้มีทักษะการแสดง ดังนั้นจึงทำให้มีงานจ้าง เช่น การแสดงต่างๆ การเล่นโขน ซึ่งพอได้เงินค่าจ้างมาผมก็นำมาเก็บไว้และใช้จ่ายกับการส่งตัวเองเรียนจนกระทั่งจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3”
หลังจากนั้น รัชชานนท์ ก็ตัดสินใจมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ มาพักอยู่กับพ่อ และเรียนต่อชั้น ปวช. ที่โรงเรียนกรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย ย่านประตูน้ำ กระทั่งเรียนจบจึงได้เริ่มสมัครงาน
“งานแรกที่เริ่มทำตอนนั้น ผมจำได้ว่าเป็นพนักงานขายของ แจกใบปลิว เซลล์แมนที่ต้องอธิบายสินค้าให้ลูกค้าฟัง รวมทั้งงานบริษัทที่ได้เงินเดือนไม่กี่บาท ซึ่งช่วงนั้นเราก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ชอบเที่ยว มีอยู่วันหนึ่งไปเที่ยวรัชดาซอย 8 เห็นพี่ๆ โคโยตี้เต้นกันก็มองว่าเท่ดี เป็นอาชีพที่สุจริต ก็ใฝ่ฝันอยากทำบ้าง แต่ตอนนั้นอยู่กับพ่อ และแม่เลี้ยงจึงยังไม่สะดวกนัก”
ตอนนั้น เขาค้นหาผับที่เปิดรับสมัครงานโคโยตี้และพบว่ามีงานที่เปิดรับอยู่ แต่ไกลมาก จึงตัดสินใจครั้งใหญ่ด้วยการออกมาจากบ้านไปอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นเวลา 4 เดือน
“ตอนนั้นคิดอยากทำงานโคโยตี้บอย ซึ่งเต้นก็ไม่ค่อยเป็นหรอก แต่ก็ตัดสินใจไปอยู่ผับที่อุบลฯ เขาบอกว่าจะได้ค่าตัววันละ 500 บาท ซึ่งแรกๆ ก็ได้เงินดีอยู่ แต่หลังๆ ผับเริ่มไม่มีคน ก็โดนโกงค่าตัว โดนหลอกสารพัด ตอนนั้นสิ้นหวังมาก ท้อแท้ แต่ก็มีเพื่อนพาไปที่บางแสน ชลบุรี มีผับที่เปิดรับสมัครโคโยตี้ ช่วงแรกงานก็มีรายได้ค่อนข้างดี แต่พอ 2 เดือน มีเจ้าของใหม่จะเปลี่ยนผับเป็นแนวอื่น เราจึงปรึกษากับเพื่อนว่าจะทำอย่างไรดีก็เลยค้นหาดูว่าจะไปทำงานที่ไหน
พอดีตอนนั้นมีผับอยู่ที่แยกลำสาลี แถวถนนรามคำแหง เปิดรับสมัครโคโยตี้ เราจึงไปทำงานที่นั้น ปรากฏว่าตอนนั้นเราเป็นเด็กใหม่ แขกที่มาเที่ยวยังไม่เคยเห็นหน้าก็ทำให้เรามีรายได้มากขึ้น จากเงินเดือน 6,000 บาท บวกกับค่าทริปอีกคืนละ 2,000-3,000 บาท ทำให้เราเริ่มมีชีวิตดีขึ้นมากๆ ตอนนั้นคนรู้จักเราในนามของ “สกาย ซีเคแดนซ์”
ทั้งนี้ หลังจากที่ “สกาย ซีเค แดนซ์” แจ้งเกิดในวงการโคโยตี้บอยแล้วเขาใช้เวลา 3 เดือนเพื่อไปทำงานต่างประเทศ พร้อมๆ กับการอัพหน้าใหม่เอี่ยม ทำให้ดวงของเขายิ่งพุ่งขึ้นไปอีก
“ตอนนั้นผมยอมรับว่าได้ไปทำศัลยกรรมหน้าใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงจังหวะชีวิตที่ดีมาก เพราะทุกอย่างดีขึ้นหมดเลย จากเด็กธรรมดา ๆ คนนึง กลายเป็นคนที่มีฐานะดีขึ้น สามารถส่งเงินให้ครอบครัวได้ใช้ มีความเป็นอยู่ที่ดีมาก และเริ่มมีโชว์มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง จีสตาร์ พาราไดซ์ ลำสาลี, จีสตาร์ พาวิลเลี่ยน และล่าสุดจีสตาร์ วิลเทจ เชียงใหม่”
รัชชานนท์ กล่าวแนะนำรุ่นน้องๆ ที่อยากทำงานด้านนี้ว่าหากรักและชอบที่จะทำต้องอดทนกับมัน และต้องเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นมายา มีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง ดังนั้นเราต้องรับมันให้ได้ และตนอยากบอกว่าการมีอาชีพโคโยตี้ ก็คือเป็นอาชีพที่สุจริต ไม่ใช่อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจผิดกัน เพราะเราทำงานมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เราทำงานให้ความบันเทิง แต่เราไม่ได้ขายตัว หรือ เวลาเราเต้น ใครนึกอยากจะจับตัวเราก็อยากจะจับ แบบนั้นถือว่าไม่ให้เกียรติ ซึ่งตนก็เข้าใจ เพราะคนที่มาเที่ยวก็มีความคิดอีกแบบ เราก็ทำงานตามหน้าที่ของเรา ดังนั้นตนจะทำงานให้ดีที่สุด เพื่อความบันเทิงของลูกค้า
“ผมเข้าใจคนที่มาเที่ยวนะครับ แต่เราก็ทำงานตามหน้าที่ของเรา ไปห้ามความคิดใครไม่ได้ แต่ก็ต้องให้เกียรติกันด้วย เพราะคนเรามีศักดิ์ศรีกันทุกคน อีกอย่างเราทำงานเพื่อความบันเทิง และไม่ได้ขายตัว อยากให้คิดแบบนี้มากกว่าครับ”
ที่มา บางกอกทูเดย์ http://www.bangkok-today.com/node/15780