ที่มา: dailynews

หลังจาก เมื่อเวลา 11.19 น. วันที่ 29 พ.ย.ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานในการประชุมสนช. ครั้งที่ 76/2559 ( เป็นพิเศษ ) โดยนายพรเพชรได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า

ตามที่ได้มีประกาศสำนักพระราชวังเรื่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต

นายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่นร.0503/44549 ลงวันที่ 29 พ.ย.2559 แจ้งเรื่องการสถาปนาแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้แล้วตามกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467

แจ้งว่า บัดนี้ราชบัลลังก์ว่างลง และ พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2467 แล้ว

thumb_b5bf42e7-3bb8-46e7-9851-2b419e0967ac

ครม.จึงขอแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อทราบ และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป

นายพรเพชร แจ้งอีกว่า ตามที่ประชุม สนช.ซึ่งทำหน้าที่รัฐสภาได้รับทราบการแจ้งมติครม.แล้ว ในขั้นตอนต่อไปจะได้นำความกราบบังคมทูลอัญเชิญ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของประชาชนชาวไทยสืบไป ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557 ประกอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550  มาตรา 23

สำหรับ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เสด็จขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ โดยตามกฎมณเฑียรบาล ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 11 ปีพระพุทธศักราช 2559 ตรงกับปีวอก ที่จุลศักราช 1379 มหาศักราช 1938 ในรัชสมัยรัตนโกสินทร์ศก 235 เป็นวันที่ 1 ปีที่ 1 ของรัชกาลปัจจุบัน ทั้งนี้จะไม่ขานคำว่า “พระบาท” นำหน้าพระนาม “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” พระองค์ใหม่ จนกว่าจะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เรื่องน่าสนใจ