คลื่นผู้อพยพหนีภัยสงครามจากซีเรีย อิรัก และอัฟกานิสถาน ยังคงหลั่งไหลเข้ายุโรปโดยไม่มีทีท่าว่าจะลดลง เกินขีดความสามารถที่หลายประเทศจะรับเลี้ยงดูผู้คนเหล่านั้น จนหลายประเทศอย่าง เยอรมนี ที่รับผู้อพยพเข้าประเทศมากที่สุด ฝรั่งเศส ออสเตรีย รวมถึงประเทศแถบสแกนดิเนเวีย อาทิ สวีเดน เดนมาร์ก เริ่มใช่มาตรการเข้มงวดรับมือเพื่อหวังจะหยุดกระแสผู้อพยพรายใหม่ ทั้งการปิดพรมแดนและการผลักดันออกนอกประเทศ
อีกปัญหาหนึ่งคือ ผู้อพยพมักก่อความวุ่นวายในประเทศที่ให้ที่พักพิง เมื่อเร็วๆ นี้ วัยรุ่นอายุ 15 ปีในศูนย์พักพิงผู้อพยพวัยรุ่นที่เมืองเมิลน์ดาลของสวีเดน ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับวัยรุ่นด้วยกันและแทงเจ้าหน้าที่ดูแลศูนย์จนเสียชีวิต จนเกิดความกังวลถึงสภาพภายในศูนย์ที่อยู่กันอย่างหนาแน่น
ล่าสุด อังเดรส์ อีเกอมัง รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของสวีเดน ประกาศมาตรการเข้มเตรียมผลักดันผู้อพยพที่คำขอลี้ภัยไม่ผ่านการอนุมัติราว 80,000 คน หรือครึ่งหนึ่งของผู้อพยพที่ยื่นคำร้องขอลี้ภัยเมื่อปีที่แล้วออกนอกประเทศหวังลดจำนวนผู้อพยพ
มาตรการดังกล่าวจะดำเนินการโดยตำรวจและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำขนย้าย คาดว่ากระบวนการดังกล่าวต้องใช้เวลาหลายปี และเกรงว่าผู้อพยพที่จะถูกไล่ออกจะหาทางหลบหนีเพื่อให้ได้อยู่ในสวีเดนต่อไป
เมื่อปีที่แล้ว ทางการสวีเดนอนุมัติคำขอลี้ภัยคิดเป็นสัดส่วน 55% ของคำขอทั้งหมด 58,800 คำขอ ซึ่งผู้ร้องขอส่วนใหญ่ยื่นคำขอตั้งแต่ปี 2014 ก่อนที่จำนวนผู้อพยพจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งหากยังมีผู้อพยพเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ คงเกินความสามารถของศูนย์พักพิงทั่วประเทศ ทั้งนี้ สวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศที่รับผู้อพยพมากที่สุดเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่มีอยู่ราว 9.8 ล้านคน