เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 ก.ค. ที่ บก.ปอท. นายศตวรรษ จำเพียร อายุ 23 ปี พร้อมด้วย น.ส.ธนิดา เต็มถาวรกุล อายุ 22 ปี และ น.ส.แพรพรรณ ตรีรัตน์วดี อายุ 18 ปี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.คมสันต์ ทุติยานนท์ พงส.กก.2 บก.ปอท. กรณีถูกมิจฉาชีพใช้รูปของตนเองไปหลอกซื้อและขายของทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก รวมทั้งถูกหลอกว่าโอนเงินจ่ายค่าสั่งซื้อของมาให้ โดยใช้สลิปเอทีเอ็มปลอม
น.ส.แพรพรรณ กล่าวว่า เพื่อนของตนส่งรูปมาให้ดูว่ามีเพจร้านขายของทางโลกโซเชี่ยลฯ โพสต์ด่าในอินสตาแกรมว่า ตนเป็นมิจฉาชีพไปหลอกซื้อของแล้วใช้สลิปโอนเงินปลอมพร้อมทั้งลงรูปของตนชัดเจน เมื่อตนเข้าไปดู ก็พบว่าเป็นรูปตนจริงๆ แต่เป็นอินสตาแกรมคนอื่น โดยใช้ชื่อว่า “Plwlion”
ซึ่งมิจฉาชีพคนดังกล่าวคงจะนำรูปตนไปเป็นรูปโปรไฟล์แล้วนำไปหลอกคนอื่น ตนจึงแจ้งไปยังเจ้าของเพจร้านขายของและได้ลงข้อมูลแก้ข่าวให้ตนแล้ว จึงมาแจ้งความเอาผิดกับมิจฉาชีพที่นำรูปไปใช้ เนื่องจากได้รับความเสียหายและกลัวว่าจะเป็นอันตราย หากว่าบังเอิญไปเจอผู้เสียหายรายอื่นที่ถูกมิจฉาชีรายนี้ นำรูปตนไปหลอกและเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นคนทำจริง
ด้าน น.ส.ธนิดา กล่าวว่า ตนถูกนำรูปไปใช้หลอกคนอื่นเช่นกัน ทั้งนำไปหลอกซื้อของโดยใช้สลิปเอทีเอ็มปลอม และนำรูปไปใช้เปิดร้านขายของทางโซเชี่ยลแล้วหลอกให้ผู้เสียหายรายอื่นโอนเงินให้ โดยที่ไม่ได้ส่งของไปให้ ซึ่งมิจฉาชีพรายนี้นำรูปตนไปหลอกผู้เสียหายคนอื่นประมาณ 5-6 คนมาแล้ว
บางคนถูกใช้สลิปปลอมซื้อกล้องราคากว่า 30,000 บาท จนเพจร้านขายของต่างๆ ในโซเชียล ต่างคิดว่าเป็นตน จึงได้โพสต์ภาพและด่าตน กว่าตนจะทราบและแก้ไขข่าวได้ก็มีคนเข้าไปอ่านและดูแล้วจำนวนมาก
ด้านนายศตวรรษ กล่าวว่า ส่วนของตนได้โพสต์ขายของในอินเตอร์เน็ตและระบุไอดีไลน์ตนเองไว้ มิจฉาชีพรายนี้จึงใช้ไลน์ชื่อว่า “Am Real Due” แอดมาแล้วพูดคุยสั่งของกับตน โดยใช้รูปของ น.ส.ธนิดา ตนเห็นว่าดูน่าเชื่อถือ และไม่คิดว่าจะถูกหลอก เพราะตั้งแต่ขายของทางโซเชียลมายังไม่เคยเจอแบบนี้ จึงตกลงขายกล้องฟูจิให้ในราคา 24,500 บาท ต่อมามิจฉาชีพรายนี้ได้ส่งสลิปมาให้ดู
ด้วยความที่ตนมีลูกค้าหลายคน จึงไม่ได้เช็คจำนวนเงินในบัญชีนึกว่าเป็นสลิปจริง จึงนำกล้องไปส่งทางไปรษณีย์ให้ทันที โดยส่งไปที่ บ้านเลขที่ ถ.ท้าวสุระ ซ.19 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ชื่อนาย พงศกร เครือพิมาย ซึ่งจากการเช็คข้อมูลในอินเตอร์เน็ตรู้สึกตกใจมาก เพราะชื่อนี้เคยถูกจับกุมเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่สน.ทองหล่อในคดีหลอกขายของทางอินเตอร์เน็ต และได้รับการประกันตัวออกไปแล้ว
นอกจากนี้ยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านนี้ด้วย จึงมาแจ้งความ เพราะหากเป็นคนเดิมที่เคยก่อเหตุแบบนี้แล้วกลับมาทำอีก ก็อยากให้เจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีให้ได้รับโทษ ทั้งนี้ยังมีผู้เสียหายรายอื่นๆทั้งถูกหลอกโอนเงินและใช้สลิปเอทีเอ็มปลอมซื้อของอีกรวมแล้วประมาณ 30 ราย แต่ส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัดจึงไม่ได้เดินทางมาแจ้งความในวันนี้ ซึ่งหากนับมูลค่าความเสียหายก็หลายแสนบาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกปากคำไว้แล้วประสานชุดติดตามตรวจสอบข้อมูล เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
