ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า บ่ายวันนี้ ( 31 สิงหาคม 2560) นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์จักรกริช โง้วศิริ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และนายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และนายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี แถลงข่าว การจัดซื้อยาในปีงบประมาณ 2561 ว่า
หลังจากบอร์ดสปสช.มีมติมอบให้รพ.ราชวิถีเป็นผู้จัดซื้อ ทำให้ภาคประชาชนมีความกังวลว่าอาจเกิดปัญหาขาดยา และผิด พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฉบับปัจจุบัน ทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วง ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานภาคีช่วยให้ความมั่นใจประชาชน
นายแพทย์สมศักดิ์กล่าวต่อว่า รู้สึกขอบคุณความห่วงใยของทุกฝ่ายทั้งตัวแทนผู้ติดเชื้อเอชไอวี และภาคประชาสังคม เข้าใจดีว่าต้องเกิดความกังวลเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ
แต่ขอให้มั่นใจว่ากระทรวงสาธารณสุขมีศักยภาพที่จะดำเนินการได้ ประชาชนไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดปัญหาขาดยา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญและมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำข้อเสนอการจัดซื้อยาโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นที่ปรึกษา ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน คณะกรรมการเป็นผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สปสช. องค์การเภสัชกรรม กระทรวงกลาโหม กทม. คณะแพทยศาสตร์ รพ.ศิริราช รามาธิบดี จุฬาลงกรณ์ กรมที่เกี่ยวข้อง สตง. สำนักงานประกันสังคม นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ชมรมโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ขณะนี้ได้มีข้อเสนอในการจัดซื้อยาปีงบประมาณ 2561 เสนอครม.ในวันอังคารหน้า
สำหรับข้อกังวลว่าการให้โรงพยาบาลราชวิถีดำเนินการจะผิด พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผอ.องค์การเภสัชกรรม เลขาธิการสปสช. สตง. และกรมบัญชีกลาง ได้เข้าพบหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี สตง. และกรมบัญชีกลางยืนยันว่าสามารถทำได้ตามพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
โดยสปสช.จะต้องส่งเงินให้สถานบริการ ดังนั้นคนซื้อยาจึงต้องเป็นโรงพยาบาล ซึ่งควรเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีประสบการณ์ในการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งการจัดซื้อยาใหม่นี้ ได้มีการนำระบบเดิมของ สปสช.มาใช้ทุกอย่าง เพียงแต่เปลี่ยนผู้ดูแลให้รพ.ราชวิถีรับผิดชอบดำเนินการแทน เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลส่วนกลาง ตรงตามระเบียบของกรมบัญชีกลางที่ระบุให้อำนาจสถานพยาบาล เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อ และส่งต่อให้ อภ.เป็นผู้กระจายยาเหมือนเดิม
ขณะนี้ โรงพยาบาลราชวิถีได้เตรียมสถานที่ในโรงพยาบาล เป็นสำนักงานร่วมของกระทรวงสาธารณสุข สปสช. และองค์การเภสัชกรรม เพื่อประสานงาน แก้ไขและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะเริ่มต้น จะเปิดในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการควบคุมกำกับ ติดตามประเมินผล เพื่อเป็นข้อเสนอในปีต่อไป ซึ่งอยากให้ตัวแทนผู้ติดเชื้อ เครือข่ายต่างๆ และภาคประชาชนเข้าร่วมด้วย