ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรการเฝ้าระวังและติดตามผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ในช่วงวันที่ 2 สิงหาคม 2559 ถึง 16 ตุลาคม 2559 ว่า
ปีนี้มีชาวไทยมุสลิมเดินทางเข้าร่วมพิธี 9,602 คน กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมการดูแลสุขภาพและเฝ้าระวังการเจ็บป่วยชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปร่วมพิธีฮัจย์ โดยจัดแผนดำเนินการเป็น 3 ระยะคือ ก่อนเดินทาง ระหว่างประกอบพิธีฮัจย์ และหลังกลับจากพิธีฮัจย์
กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทีมแพทย์ 3 ชุด จำนวน 42 คน ให้บริการชาวไทยมุสลิม ตลอดเวลาที่ประกอบพิธีฮัจย์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียจนถึงวันกลับ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้ผู้ร่วมพิธีเกิดการขาดน้ำ มีภาวะเพลียและเป็นลมแดด
นอกจากนี้ยังมีบริการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบพิธีฮัจย์ชาวไทยในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นของตนเอง และมีการติดตามเยี่ยมผู้เดินทางที่เป็นกลุ่มเสี่ยง พร้อมมอบหมาย อสม.ฮัจย์ ร่วมดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมระหว่างประกอบพิธี และเฝ้าติดตามข่าวสารเกี่ยวกับโรคเมอร์ส
ส่วนภายหลังผู้แสวงบุญพิธีฮัจย์เดินทางกลับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขยังมีระบบเฝ้าระวังดูแลสุขภาพผู้กลับจากแสวงบุญพิธีฮัจย์ทุกคน โดยเฉพาะผู้มีประวัติรับไว้เป็นผู้ป่วยใน ผู้ป่วยส่งต่อและผู้ที่มีภาวะสุขภาพที่เสี่ยงต่อโรคที่ต้องเฝ้าระวัง ด้วยมาตรการในชุมชน
โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคใน 53 จังหวัดที่มีผู้กลับจากแสวงบุญ มีการติดตาม แนะนำการดูแลสุขภาพให้ผู้แสวงบุญภายใน 30 วันหลังเดินทางกลับ
หากพบมีไข้สูง ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ แนะนำพักอยู่บ้าน สวมหน้ากากป้องกันโรค ล้างมือบ่อยๆ หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วันควรพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางให้แพทย์ทราบ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 หรือ หาข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค
ทางด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผลการปฏิบัติงานของทีมแพทย์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย รายงานมีผู้แสวงบุญที่มาใช้บริการทั้งหมด 10,268 คน เพศชาย 4,538 ราย เพศหญิง 5,730 ราย
ส่วนใหญ่อายุ 51-60 ปี รองลงมา กลุ่มอายุ 61-70 ปี โรคที่พบบ่อยคือ โรคระบบทางเดินหายใจ แพ้อากาศ ร้อยละ 70 รองลงมา โรคปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โรคระบบย่อยอาหาร ไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการเข้าข่ายเฝ้าระวังโรคเมอร์ส
