ตามที่มีข่าวว่า มีผู้ฉีดโบท็อกซ์แล้วทำให้หนังตาบนตกทำให้ตาดูเล็กลงนั้น นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์โรคผิวหนัง เปิดเผยว่า สารโบท็อกซ์ หรือชื่อเต็มคือ โบทูลินัม ท็อกซิน (botulinum toxin) เป็นสารพิษที่รู้จักกันมานานแล้วว่าทำให้เกิดโรคโบทูลิซึ่ม (botulism) ซึ่งมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เป็นอัมพาต หายใจขัด และเสียชีวิตได้ พบโรคนี้ในคนที่กินอาหารกระป๋องและในไทยที่พบบ่อยคือในหน่อไม้บรรจุปี๊บที่มีสารพิษนี้ปะปนอยู่
มีรายงานโรคมาเกือบ 200 ปีว่า มีผู้กินไส้กรอกแล้วหมดเรี่ยวแรง โดยพบว่าพิษที่สกัดจากไส้กรอก คือสารพิษโบทูลินัมที่สร้างโดยเชื้อแบคทีเรีย Clostri-dium botulinum ซึ่งอยู่ตระกูลเดียวกับเชื้อบาดทะยัก แต่เมื่อใช้ในทางการแพทย์จะใช้ในขนาดที่ต่ำมากจึงไม่เกิดอันตรายดังกล่าว โดยมีการนำสารพิษตัวนี้รักษาหนังตากระตุก ตาเข กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง เหงื่อออกมาก ปวดศีรษะชนิดไมเกรน และปวดหลัง ยังใช้สารพิษตัวนี้รักษารอยย่นของใบหน้า
ข้อควรระวังสำหรับยาตัวนี้คือ ห้ามฉีดในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และในผู้ที่ให้นมบุตร และในผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ข้อแทรกซ้อนที่พบคือรอยจ้ำเลือดและปวดบวมบริเวณที่ฉีด หนังตาบนตกซึ่งมักหายไปได้เองใน 2 สัปดาห์
ปัจจุบันยังคงมีการวิจัยถึงการนำสารพิษโบทูลินัมมาใช้รักษาโรคอื่นๆ เช่น ฉีดรักษาอาการปัสสาวะกะปริดกะปรอย ฉีดกระเพาะอาหารเพื่อให้อิ่มนานจึงลดความอ้วนได้ และยังลดการเกิดแผลในหลอดอาหาร ฉีดลดอาการเจ็บปวดเวลาร่วมเพศ ฉีดรักษาอาการเส้นเสียงเกร็งตัว และฉีดรักษาโรคเท้าปุกเท้าแป จึงเห็นได้ว่าถ้าใช้สารตัวนี้อย่างถูกวิธีก็จะมีประโยชน์ในด้านการแพทย์อย่างมาก