สำนักข่าวอมรินทร์ทีวี ได้มีการเปิดเผยรายงานข่าวเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา กับเรื่องของหญิงสาววัย 46 ปี รายหนึ่ง ที่ได้เข้ารับการดูดไขมันที่หน้าท้อง เพราะอยากจะมีหุ่นที่สวย และบุคลิกดีขึ้น จึงได้ตัดสินใจไปทำที่โรงพยาบาลศัลยกรรมแห่งหนึ่งในราคา 69,000 บาท
ซึ่งเธอนั้นได้เข้ารับการดูดไขมันในวันที่ 17 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ขณะเข้ารับบริการนั้น ทางแพทย์ได้แนะนำว่าต้องผ่าตัดไขมันเพิ่ม เพื่อที่จะทำให้หน้าท้องกระชับ แบนราบ โดยค่ารักษานั้นอยู่ที่ 280,000 บาท แต่ถ้ารีวิวให้กับทางโรงพยาบาลจะมีส่วนลดให้เหลือ 210,000 บาท เธอจึงตัดสินใจ
แต่หลังจากที่การผ่าตัดเสร็จสิ้นนั้น เธอก็มีอาการหายใจไม่ออก และมีอาการเหนื่อยง่าย เมื่อสอบถามพยาบาล ได้รับคำตอบว่าตนมีอาการปอดแฟบ มีภาวะแทรกซ้อน จนต้องพักฟื้นเกือบ 1 สัปดาห์ทว่าอาการไม่ดีขึ้น ซ้ำยังแย่ลงเรื่อยๆ เริ่มเจ็บชายโครงด้านซ้าย แผลที่หน้าท้อง และเจ็บขาทั้ง 2 ข้าง หลังจากนั้นเธอจึงได้ทำการรักษา เมื่อเอ็กซ์เรย์ปอดก็พบว่าปอดข้างซ้ายแฟบลง ขาทั้งสองข้าง เริ่มบวมขึ้นมาก และเจ็บกระบังลมอย่างแรง แพทย์ได้ย้ายโรงพยาบาล เนื่องจากพบมีลิ่มเลือดดำอุดตัน และต้องนอนในห้องไอซียู นานเกือบ 2 สัปดาห์
จนถึงขณะนี้ เธอก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากแพทย์ที่ทำศัลยกรรมให้กับเธอว่า เธอเป็นอะไร รู้เพียงแต่ว่ามีผลข้างเคียงจากการทำศัลยกรรมดูดไขมัน และผ่าตัดไขมันออก ทำให้เธอนั้นต้องพักรักษายาวนานเป็นผู้ป่วยติดเตียง และสูญเงินรักษามากมาย ซึ่งเธอได้เผยความรู้สึกว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะไม่ทำศัลยกรรมนี้เลย เพราะเหมือนเดินเข้าไปหาความตาย