ที่มา: Kapook.com

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 น.ส.ออม วงจันทร์ อายุ 40 ปี สาวร้องขอความช่วยเหลือ ไปยังผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ตนเองได้รับความเดือดร้อน ไม่มีเงินเดินทางไปดูศพ นายวันสิน บุญกลาง อายุ 40 ปี สามีที่เสียชีวิตที่ประเทศเกาหลีใต้ หลังได้รับแจ้งจากทางสถานทูตเกาหลีใต้ว่า สามีผูกคอตายอยู่ริมทาง

น.ส.ออม เล่าว่า ตนอยู่กินกับสามีหลายปี มีลูกด้วยกัน 3 คน เมื่อกลางปี 2560 มีคนมาชักชวนไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ด้วยการหนีทัวร์ท่องเที่ยว จึงมีความคิดว่าอยากจะไปทำงานเพื่อหาเงินมาสร้างบ้าน ก่อนจะตัดสินใจกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) มาจำนวน 150,000 บาท เพื่อแบ่งจ่ายค่าแพ็คเกจท่องเที่ยว และใช้หนี้เงินกู้นอกระบบที่กู้มาวิ่งเต้นก่อนหน้านี้

สาวร้องขอความช่วยเหลือ

ต่อมาในวันที่ 11 ธันวาคม 2560 ตนและสามีได้เดินทางไปในนามนักท่องเที่ยวและหนีทัวร์ตามที่นายหน้าแนะนำ โดยมีเงินติดตัวคนละ 40,000 บาท เพื่อใช้จ่าย อยู่ได้ประมาณ 7 วัน ก็รู้ว่าไม่เหมือนที่เคยฝันไว้ ไม่มีงานทำ ค่าครองชีพสูง ต้องพักโรงแรม รวมถึงอาหารการกินไม่เหมือนเมืองไทย สามีตนสงสารจึงให้ตนเดินทางกลับไทย โดยแบ่งเงินให้สามีไว้ใช้ประมาณ 15,000 บาท

น.ส.ออม เล่าต่อว่า เมื่อตนเดินทางมาถึงบ้านที่ประเทศไทย ก็โทร. ถามสามีทุกวันถึงชีวิตความเป็นอยู่ แต่ก็ได้รับคำตอบว่า ได้งานแต่ไม่ได้เงิน เพราะนายจ้างทราบว่าเป็นคนหนีเข้าเมือง ต้องอดมื้อกินมื้อ เงินที่ให้มาก็ร่อยหรอ และอยากกลับบ้านแล้ว ก็รู้สึกสงสารสามีแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเพราะไม่มีเงินค่าตั๋วเดินทางกลับ

กระทั่งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 ได้รับโทรศัพท์จากสถานทูตเกาหลีใต้ว่า สามีผูกคอเสียชีวิตที่ประเทศเกาหลีใต้ ทางครอบครัวตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เพราะทางครอบครัวก็กำลังหาทางกู้เงินนอกระบบเพื่อส่งไปให้สามีเป็นค่าเดินทางกลับประเทศไทย แต่ไม่คาดคิดว่าสามีจะชิงผูกคอตายเสียก่อน

น.ส.ออม เล่าทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้ครอบครัวหมดแล้วทุกสิ่ง ขาดหัวหน้าครอบครัว ทั้งยังมีหนี้สินที่ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ ซ้ำมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูลูกอีก 3 คน ที่สำคัญตอนนี้อยากจะนำศพสามีกลับมาฌาปนกิจที่บ้านก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ล่าสุดได้มีคนไทยที่มีสามีอยู่ประเทศเกาหลีใต้ติดต่อมาเดินเรื่องช่วยนำศพสามีกลับไทย ก็รู้สึกมีความหวังมากขึ้น เพราะอย่างน้อยก็ยังได้นำศพกลับมาทำบุญที่บ้าน

เรื่องน่าสนใจ