สมาชิกเว็บดังโพสต์เล่าเหตุการณ์สุดระทึก หลังถูกชายชาวต่างชาติลวนลามบนขบวนรถไฟฟ้า BTS สายสีลม ขณะกำลังเดินทางไปกลับบ้านในช่วงหัวค่ำ และภายหลังผู้เสียหายได้โวยวายขึ้น ปรากฎว่ามีหญิงสาวที่ถูกกระทำในลักษณะเดียวกันในช่วงเวลาไล่เลียกันบนขบวนรถเดียวกันถึง 3 ราย สุดท้ายพลเมืองดีช่วยกันจับกุมตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ล่าสุดผู้ก่อเหตุพยายามขอเจรจาไกล่เกลี่ยโดยจะขอชดใช้เงินค่าเสียหายแลกกับการถอนแจ้งความ โดยผู้เสียหายได้โพสต์ข้อความระบุอ้างว่า “เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 19.00 น. ขณะที่เดินทางจากเพลินจิตไปบางหว้า ช่วงกำลังใกล้ถึงสถานีตากสิน รู้สึกด้านหลังเหมือนมีของแข็งมาโดน ครั้งแรกเข้าใจว่าคนเบียดเลยพยายามขยับเดินหน้า
จนโดนครั้งที่สองรู้สึกว่าไม่ใช่แล้วจึงหันไปมอง พบผู้ชายชาวต่างชาติคนนึง พยายามเอาอวัยวะเพศมาสีที่บั้นท้าย พอรู้ตัวว่าถูกลวนลามจึงหันไปเผชิญหน้า และสังเกตุเห็นว่าเป้ากางเกงของผู้ชายคนนั้นโด่สู้ชี้หน้า ทำให้ยิ่งมั่นใจว่ามันโรคจิตจึงมองหน้ามัน
ขณะนั้นยอมรับว่ากลัวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่รู้ว่าต้องถ่ายหน้ามันไว้ ผู้ก่อเหตุเหมือนจะรู้ตัวจึงพยายามเอากระเป๋ากดทับไปที่เป้าตัวเอง ทันใดนั้นมีผู้หญิงคนนึงที่ยืนด้านหน้าได้หันมาเตือนว่า “น้องคะ ระวังนะ มันเล่นน้องผู้หญิงอีกคนไปแล้วเมื่อกี้ แล้วนี่มันก็หันมาทางน้อง”
หลังเข้าไปสอบถามน้องผู้หญิงทั้ง 2 คนบอกว่า “มันมาสีพวกหนูเมื่อกี้ หนูตกใจเลยหันหน้ามาดูมัน หันหลังติดกำแพง แล้วมันก็ไปทางพี่ แต่ก่อนหน้ามีผู้หญิงชาวจีนคนหนึ่งโดนไปแล้วด้วย เขาเลี่ยงไปหลบยืนที่ประตูอีกฝั่งค่ะ” ซึ่งระหว่างนั้นชายชาวต่างชาติมีอาการลุกลี้ลุกลนมองที่โทรศัพท์มือถือตลอดเวลา
ทันทีที่ประตูรถไฟฟ้าเปิดออกที่สถานีตากสิน เรารีบตะโกนร้องลั่นรถว่า “ช่วยด้วยคะ ๆ ๆ จับมันที ชั้นถูกลวนลาม ยามๆ อยู่ไหน มาเอาตัวมันที ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” ผลคือคนแตกฮือ ออกไปยืนล้อมหน้าประตูกันผู้ชายคนนั้นเอาไว้ไม่ให้ออกมานอกประตู
จากนั้นผู้หญิงชาวจีนที่ถูกลวนลามคนแรกก็รีบแสดงตัวว่าโดนกระทำด้วยเช่นกัน สุดท้ายผู้หญิง 3 คน ยืนชี้หน้าด่ามัน แต่มันก็พยายามแทรกตัวหลบออกจากขบวนรถ โชคดีที่มีผู้ชายคนหนึ่งพุ่งมาขวางไว้ และแสดงท่าทางว่าพร้อมจะลุยให้ถ้ามันสู้ จากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็มารับตัวผู้กระทำผิดไปอย่างงง ๆ แล้วปล่อยมันเดินลอยชายไม่ประกบ เราจึงตัดสินใจเดินออกจากตัวรถ
แล้วตะโกนบอกยามว่า “จับมันไว้ เราต้องการแจ้งความ มันลวนลามเรา” จนในที่สุดมีเจ้าหน้าที่ของรถไฟฟ้า BTS มาสอบถาม ถ่ายรูป ขอรายละเอียด พร้อมแจ้งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ โดยมีคลิปวิดีโอที่น้องผู้หญิง 2 คนถ่ายไว้เป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชายชาวเยเมน อายุ 40 ปี ไม่ได้ถือ passport ตัวจริง วีซ่าหมดอายุตั้งแต่เดือนต.ค. 2014 โดยมีเอเจนท์ชาวไทยนำ passport มามอบให้ตำรวจ อ้างว่ากำลังต่ออายุวีซ่า และปฏิเสธว่าไม่ใช่คนดูแลแค่ถือ passport ไว้เฉย ๆ และจะแจ้งเรื่องให้เจ้านายที่อยู่ต่างประเทศทราบอีกครั้ง
แต่พอตำรวจสอบถามว่ามาทำอะไรในไทย พักที่ไหน ชายคนนั้นกลับตอบไม่ได้ จุดหมายปลายทางจะไปไหนก็ทำท่างงตลอดเวลา ซึ่งระหว่างที่คุยกันอยู่นั่น เขาพยายามยกมือไหว้ขอโทษ พร้อมบอกว่าให้เราตบหน้าแทนแล้วจบกัน และยินดีจ่ายเงินค่าเสียหายให้
ล่าสุดทีมข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” ได้ติดต่อไปยัง นส.แอล (นามสมมุติ) ผู้เสียหายคนดังกล่าว เปิดเผยว่า “ขณะนี้ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ยานนาวา คดีอาญา ที่ 1213/2557 ระบุว่าผู้กระทำผิดมีอาชีพเป็นพนักงานขาย ตำรวจที่ดูแลคดีพยายามเป็นคนกลางในการติดต่อสอบถามว่าเราอยากเจรจาหรือไกล่เกลี่ยคดีนี้หรือไม่
ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจท่านเดิมโทรมาเป็นครั้งที่ 4 แจ้งว่าทางเอเจนท์ชาวไทยพยายามอธิบายกับเราว่า ผู้กระทำผิดต้องการขอโทษ พร้อมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้หากเรามีอะไรที่เสียหาย แต่หากทางเรายังยืนยันว่าไม่ยอมจบ เราไม่รับเงินต้องการให้เป็นคดี ทางเขาก็ขอปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ เป็นการเข้าใจผิดทั้งหมด ตัวเองจึงอธิบายไปว่าค่าชดใช้ไม่ใช่ประเด็น
โดยที่ทางตำรวจก็ยินดีดำเนินการตามกฎหมาย ทางเราได้แจ้งเจ้าหน้าที่ไปว่า เราต้องการให้ปากคำเพิ่มเติม และน้องผู้เสียหายอีก 2 คนก็ต้องการเข้าให้ปากคำเช่นกัน แต่จนถึงขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการติดต่อไปหาน้องทั้ง 2 คนเลย”
ด้าน พ.ต.ท. ชาญกุล จำรัสฉาย พนักงานสอบสวน ชำนาญการ สน.ยานนาวา ผู้ดูแลในคดีนี้ เปิดเผยว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ โดยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จากนั้นเอเจนท์ได้มาประกันตัวผู้ต้องหาไปแล้ว ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาสามารถกระทำได้
ส่วนเรื่องวีซ่าหมดอายุนั้นเป็นการเข้าใจผิด เพราะหากวีซ่าหมดอายุศาลจะไม่ยินยอมให้ประกันตัว จากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องการเข้ามาประกอบอาชีพ่อครัวในร้านอาหารอาหรับในประเทศไทย และกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการขอเปลี่ยนคำระบุอาชีพในพาสปอร์ตจากพนักงานขายเป็นพ่อครัว
ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้เสียหาย และพยาน เชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะกระทำความผิดจริง จึงได้มีการขอเจรจาขอชดใช้ค่าเสียหาย สำหรับการกระทำดังกล่าวถือว่ามีความผิดฐานกระทำอนาจาร มีโทษจำคุถกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 20,000-40,000 บาท
ทั้งนี้ทีมข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ได้ติดต่อไปยังผู้บริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้รับคำตอบว่า ผู้บริหารกำลังประชุมเรื่องดังกล่าว จึงยังไม่สามารถตอบคำถามได้
ล่าสุดเย็นวันเดียวกัน นายสุรพงษ์ เลาหะธัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BTS ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ทางบริษัทกำลังพิจารณามาตรการป้องกันเพิ่มเติม แต่สิ่งที่ดีที่สุดเมื่อเกิดเหตุคือขอให้ผู้โดสารรีบออกจากตัวรถ จดจำเลขที่ตู้ เลขที่ขบวน แล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ใกล้ให้ชัดเจนมากที่สุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่สถานีต่อไปเตรียมสกัดจับในสถานีหน้า ที่สำคัญต้องขอความร่วมมือผู้เสียหายกรุณายอมเป็นเจ้าทุกข์
เนื่องจากกฎหมายไทยการจะดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดจำเป็นต้องมีเจ้าทุกข์เข้าร้องทุกข์ด้วย สำหรับที่หลายฝ่ายแนะนำว่าทาง BTS ควรติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในขบวนรถนั้น จากที่ศึกษาพบว่าภาพที่ได้มาจะไม่ชัดเจน เนื่องจากเป็นเลนส์วาย แต่อาจจะช่วยได้บ้างเท่านั้น ส่วนจะให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินตรวจตราในขบวนตลอดเวลานั้น คาดว่าจะค่อนข้างลำบากเพราะในแต่ละวันมีจำนวนรถไฟฟ้าวิ่งหลายร้อยเที่ยว
นอกจากนี้หากผู้โดยสารประสบเหตุจำเป็นเร่งด่วน พิจารณาแล้วว่าจะเป็นอันตรายต่อตัวท่านเอง หรือผู้โดยสารท่านอื่น ท่านสามารถกดปุ่มฉุกเฉินที่อยู่บริเวณประตูเข้าออกของขบวนรถได้ทันที และแจ้งเรื่องให้พนักงานขับรถทราบ เพื่อที่พนักงานขับรถจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ประจำสถานีขึ้นมาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้หากผู้โดยสารท่านใดถูกกระทำการอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาทิ ลักทรัพย์ ลวนลาม สามารถขอดูภาพวงจรปิดได้ทันที ทางบริษัทยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ที่มา เดลินิวส์