ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

การเพาะเลี้ยง “สาหร่ายพวงองุ่น” ในอดีตเป็นเรื่องที่ซับ ซ้อนยุ่งยาก ให้ผลผลิตน้อย มิหนำซ้ำยังมีปัญหาเรื่องความสกปรกเกาะติดเป็นจำนวนมาก…แต่วันนี้ศูนย์ วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรีได้วางระบบการเพาะเลี้ยงแบบแขวนลอยในบ่อ ดิน ให้ผลผลิตมากและคุณภาพดี สามารถขยายไปเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ได้แล้ว

EyWwB5WU57MYnKOuFtKhO0PEBnvKxXZHFQQkiVYZhb5IvJ5OMJOn7W

“แต่เดิมการเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นซึ่งเป็นสาหร่ายทะเลสีเขียว เม็ดกลมเล็กรวมกันเป็นช่อคล้ายกับพวงองุ่น บางคนก็เรียกว่า สาหร่ายไข่ปลาคาเวียร์ จะใช้วิธีเพาะเลี้ยงหลายรูปแบบ ทั้งในตู้ปลา บ่อซีเมนต์ และบ่อดิน ทุกวิธีล้วนแต่เพาะเลี้ยงบริเวณก้นตู้หรือก้นบ่อเป็นหลัก ปัญหาที่ตามมาก็คือความสกปรกทั้งหลายจะลงไปสะสมบริเวณก้นบ่อ และการเจริญเติบโตไม่สม่ำเสมอ ทิศทางการเติบโตเป็นไปในแนวตั้งทางเดียวเลยทำให้ปริมาณผลผลิตที่ได้ต่ำ

เราจึงเปลี่ยนวิธีการเพาะเลี้ยง มาเป็นแบบ การเลี้ยงโดยใส่ต้นพันธุ์ประมาณครึ่งกิโลกรัม ลงในตะกร้าแล้วนำไปแขวนลอยในบ่อดิน ใช้เวลาเลี้ยงนาน 6-8 สัปดาห์ จะได้สาหร่ายพวงองุ่นหนัก 8-10 กก. สามารถขายที่ปากบ่อ ได้ราคาสูงถึง กก.ละ 70 บาท”

น.ส.มนทกานติ ท้ามติ้น ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งเพชรบุรี บอกอีกว่า แต่ถ้านำสาหร่ายพวงองุ่นที่เพาะเลี้ยงมาผ่านกระบวนการทำความสะอาดด้วย เครื่องสกิมเมอร์หรือเครื่องดูดโคลนที่ใช้กับสระว่ายน้ำ จะทำให้ได้ราคาสูงถึง กก.ละ 200 บาท และถ้ามีการตัดแต่งคัดคุณภาพสาหร่ายพวงองุ่นให้เป็นเส้นยาวๆสวยงามสม่ำเสมอ กัน จะมีราคาสูงถึง กก.ละ 500 บาท

NjpUs24nCQKx5e1DISlhX2vTVEC6SvXYNwFQwIbmyPB

นอกจากนั้น มนทกานติ ยังกล่าวถึงข้อดี ของการเลี้ยงแบบแขวนลอยในบ่อ ยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องความเค็มของน้ำได้ด้วย โดยเฉพาะในฤดูฝน เนื่องจากภาวะความเค็มที่เหมาะสมกับสาหร่ายพวงองุ่นอยู่ที่ 30-32 ในส่วนพัน เมื่อถึงหน้าฝนความเค็มจะเจือจาง ทำให้หยุดการเจริญเติบโต แต่เมื่อเลี้ยงด้วยวิธีแขวน เกษตรกรยกขึ้นมาพักดูแลในบ่อซีเมนต์สำรองได้สะดวก

แถมการเลี้ยงในบ่อดินยังมีข้อดีอีกอย่าง เกษตรกรไม่ต้องเติมสารอาหารเลี้ยงบำรุง แต่อย่างใด เพราะในดินมีสารอาหารเพียงพอที่จะช่วยสาหร่ายเจริญเติบโตดีอยู่แล้ว…

สนใจ จะศึกษา เรียนรู้ อบรมวิธีการเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น พืชน้ำเศรษฐกิจตัวใหม่ ติดต่อได้ที่ 08–1861–8118.

เรื่องน่าสนใจ