จากกรณีคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ นายเดวิด มิลเลอร์ และ น.ส. ฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะเต่า ประเทศไทย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกมาแถลงว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ที่ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว
แต่หลังจากนั้นไม่นานผู้ต้องหา 2 รายได้กลับคำให้การ โดยอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายและบังคับให้สารภาพในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ก่อ จึงเกิดเป็นข้อสงสัยอย่างแพร่หลายที่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบกพร่องในหน้าที่และจับผิดคนหรือไม่
ขณะเดียวกัน ′The Mirror′ สื่อประเทศอังกฤษได้นำเสนอบทสัมภาษณ์ของครอบครัวหนึ่งซึ่งลูกชายของพวกเขาก็เสียชีวิตที่เกาะเต่าเช่นเดียวกันโดยผู้ที่ออกมาให้สัมภาษณ์คือ นายเกรแฮม และนางเทรซี่ เพียร์สัน บิดา มารดาของนายแมท เพียร์สัน วัย 29 ปี และนายนิค เพียร์สัน ผู้เสียชีวิตวัย 25 ปี พวกเขาทั้ง 4 คนเดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาะเต่าในช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่
หลังจากที่พวกเขาทานอาหารเสร็จจึงเดินทางไปงานปาร์ตี้เคาท์ดาวน์ บริเวณชายหาดทรายรี โดยเมื่อเวลาประมาณ ตี 1 พวกเขาทั้ง 3 คนตัดสินใจที่จะกลับไปยังห้องพัก ยกเว้น ′นิค′ ลูกชายคนเล็กที่ไม่ได้กลับมาพร้อมกัน หลังจากเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงมีคนเข้ามาบอกกับพวกเขาว่า ′นิค′ เสียชีวิตแล้ว
ขณะที่พวกเขาเดินทางไปยืนยันศพเบื้องต้นพบว่าบริเวณศีรษะมีร่องรอยการถูกทำร้ายเป็นรอยแผลยาว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับระบุสาเหตุของการเสียชีวิตว่าตกลงมาจากที่สูง 50 ฟุตและจมน้ำเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม นางเทรซี่ ผู้เป็นมารดากล่าวว่า ′หากลูกชายของเขาตกลงมาจากที่สูงจริง ทำไมจึงไม่มีกระดูกชิ้นไหนหักเลย และศพของเขาน่าจะติดอยู่บริเวณโขดหินหรือมีร่องรอยบาดเจ็บหนักกว่านี้′
นายเกรแฮม และนางเทรซี่ เพียร์สัน บิดา มารดาของนายแมท และนายนิค เพียร์สัน ที่เสียชีวิตที่เกาะเต่า
พร้อมทั้งกล่าวเพิ่มเติมว่า′เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เข้ามาตรวจสอบห้องพักหรือจุดเกิดเหตุแต่อย่างใด พวกเขาเอาแต่ยืนหัวเราะเมื่อพวกเราตั้งคำถามเกี่ยวกับการตายของลูกชายเรา′ นอกจากนี้ แมท ลูกชายคนโตได้เตือนแม่ของเขาว่า ′มีผู้มีอิทธิพลอยู่บนเกาะแห่งนี้ และอยากให้ครอบครัวของเรารีบออกจากเกาะเพื่อความปลอดภัย หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีพ่อค้าบนเกาะถูกฆาตกรรมและโยนศพลงทะเลเพื่ออำพรางคดี′
ทั้งนี้นางเทรซี่กล่าวทิ้งท้ายว่า ′เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยสนใจแต่ภาพลักษณ์ของพวกเขาและไม่ต้องการให้กระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยว แต่เราอยากจะรู้สาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตของลูกชายเรา′
ที่มา: มติชน