ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า กล้ามเนื้อกระบังลม ประกอบด้วย กล้ามเนื้อต่างๆ หลายสิบมัดยึดติดประสานกัน มีลักษณะคล้ายเปลญวนคอยพยุงอวัยวะต่างๆ ในช่องท้อง เช่น ลำไส้ มดลูก กระเพาะปัสสาวะ ไม่ให้ไหลลงมากองที่หว่างขา บางบริเวณของกล้ามเนื้อชุดนี้จะเป็นรู เพื่อให้อวัยวะบางอย่าง
ได้แก่ ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ และรูทวารหนักผ่านออกมาได้ โดยปกติกล้ามเนื้อส่วนนี้จะมีความแข็งแรงทนทานค่อนข้างมาก แต่ก็สามารถหย่อนยานได้ สาเหตุอาจมาจากการคลอดบุตรทางช่องคลอดบ่อยๆ หรือเมื่อผู้หญิงที่มีอายุมาก อยู่ในช่วงวัยหมดฮอร์โมน กล้ามเนื้อกระบังลมก็จะเกิดการหย่อนยาน เสียความจึงตัว จนไม่สามารถพยุงอวัยวะในช่องท้องได้
ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวว่า กล้ามเนื้อกระบังลมหย่อนจะส่งผลให้เกิดปัญหามดลูกหย่อน หรือมดลูกเคลื่อนลงต่ำได้ ซึ่งในรายที่หย่อนมากจนไม่สามารถพยุงอวัยวะในช่องท้องได้ อาจทำให้ผนังช่องคลอดโผล่ออกมานอกช่องคลอด หรือถ้ารุนแรงมากขึ้นก็อาจมีมดลูกโผล่ออกมาหรือหลุดออกมาได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางแพทย์แผนไทยจะมีวิธีการรักษาและแก้ปัญหามดลูกหย่อน โดยหมอยาทางภาคอีสานนิยมใช้ “ข่าหด” หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Fissistigma polyanthoides (A.DC.) Merr อยู่ในวงศ์ ANNONACEAE ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ใช้ดูแลแม่หญิง เนื่องจากข่าหดมีสรรพคุณรักษาอาการของโรคที่มีลักษณะยืดออกหรือหย่อนผิดปกติ หรือเคลื่อนออกมาผิดที่ผิดทางให้กลับสู่ที่เดิม
“ตำรับที่ใช้รักษามดลูกหย่อนมีด้วยกัน 3 ตำรับ ได้แก่ 1. ตำรับตาวิน ตุ้มทอง มีวิธีปรุงคือ ใช้ข่าหด 3 กีบนำมาต้มและนำน้ำที่ได้ไปกินครั้งละ 1 กลืนวันละ 3 เวลา จะช่วยให้มดลูกกระชับขึ้น 2.ตำรับตาเพ็ง สุขบัว นำข่าหด 1 – 2 กีบ ว่านชักมดลูก 1 ฝาน สีไครต้นหรือตะไคร้ต้น 1 – 2 กีบ ข่าธรรมดาหัวแก่ 2 – 3 ท่อน ใช้ต้มเข้าด้วยกัน กินเช้าและเย็น จะช่วยรัดมดลูก ทำให้มดลูกกระชับ และ 3. ตำรับตาบุญ สุขบัว นำข่าหด 2 นิ้วมือ ว่านชักมดลูก 1 ฝาน ต้มกินครั้งละ 1 แก้ว ทานเช้าเย็น ก็จะช่วยให้มดลูกกระชับขึ้น
อย่างไรก็ตาม ข่าหดนั้นนอกจากจะช่วยแก้ปัญหามดลูกหย่อนได้แล้วยังสามารถช่วยแก้ปัญหาริดสีดวงทวารและไส้เลื่อนได้อีกด้วย” ภญ.สุภาภรณ์ กล่าว
ที่มา : manager