• มะเขือเทศ 50 กรัม (1 ผลใหญ่)
• น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนคาว)
(ใช้สารให้ความหวาน หรือน้ำตาลเทียม 1 ซอง แทนได้)
• น้ำเปล่าสะอาด 200 กรัม (14 ช้อนคาว)
• เกลือป่น 2 กรัม (2/5 ช้อนชา)
คุณค่าทางอาหาร มีเบต้าแคโรทีนสูงมาก บำรุงสายตา ช่วยต่อต้านมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก และมีวิตามินซีสูงด้วย ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยทำให้คงความหนุ่มสาวไม่เหี่ยวย่น
คุณค่าทางยา ทำให้สดชื่น แก้กระหายน้ำ ผิวพรรณผ่องใส ช่วยย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยฟอกเลือด ป้องกันมะเร็ง
มะเขือเทศ เป็นผลไม้ที่มีต้นไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศ คือมาจากประเทศ แถบอเมริกาใต้ จากนั้นจึงแพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย ปัจจุบันมีปลูกกันทั่วไป เป็นผลไม้ที่ทุกคนรู้จักกันดี สามารถรับประทานได้เลยโดยตรง เป็นผลไม้หรือนำไปปรุงเป็นอาหารแบบผัก ทำเป็นสลัด คั้นเป็นน้ำมะเขือเทศ และทำซอสมะเขือเทศ เป็นต้น
มะเขือเทศ มี วิตามินหลายชนิด เช่น วิตามิน A, C, B1
รสเปรี้ยวของมะเขือเทศเกิดจากการที่มีกรดซิตริค
นอกจากนี้ยังมีเกลือแร่หลายชนิด
วิตามิน B1 เป็นสารอาหารที่สำคัญในการพัฒนาการของสมอง ซึ่งวิตามิน นี้มีในมะเขือเทศปริมาณมาก ดังนั้นการที่ให้เด็ก ๆ รับประทานมะเขือเทศให้มากจะช่วยทำให้ความจำดีขึ้น ลดอาการอ่อนล้าของสมอง
วิตามิน C ที่มีในมะเขือเทศเชื่อว่า มีสรรพคุณในการเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย ช่วยในการห้ามเลือด
ปัจจุบันมีการทดลองพบว่า มะเขือเทศ มีฤทธิ์ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง และมีสารช่วยย่อยอาหารอีกด้วย การรับประทานมะเขือเทศวันละ1-2 ผล (ผลละประมาณ 50 กรัม) พบว่าทำให้ความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากลดลง
ในทางแพทย์แผนโบราณจีนถือว่า มะเขือเทศมีรสหวาน เปรี้ยว เย็นเล็กน้อย มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร ทำให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดับกระหาย แก้แผลร้อนในช่องปาก เป็นยาดับร้อนถอนพิษ ทำให้เลือดเย็น ลดความดันเลือด เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นอาหารของผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคความดัน และโรคตับอักเสบ ถ้ารับประทานมะเขือเทศเป็นประจำวันละ 1-2 ผล จะช่วยให้อาการของโรคดีขึ้น อีกทางหนึ่งด้วย
หมายเหตุ : การทำให้เลือดเย็น เป็นการรักษาโรคที่เกิดจากความร้อนชนิดหนึ่ง ใช้กับผู้ที่มีอาการ เช่น อาเจียนเป็นเลือด เลือดกำเดาออก ปัสสาวะอุจจาระมีเลือดปน ลิ้นมีจุดสีคล้ำหรือสีม่วงดำ
Credit : http://202.129.59.73/nana/frwater/tomato.htm, www.jeban.com