คลุกคลีอยู่ในแวดวงศัลยกรรมมานาน มีทั้งประสบการณ์ที่เลวร้ายจากซิลิโคนเหลวที่ก่อนหน้านี้ได้ออกรายการโทรทัศน์เพื่อแชร์เรื่องราวและประสบการณ์ของเธอเอง มาถึงวันนี้ ส้ม ตีสิบ ได้ตัดสินใจอีกครั้ง กับการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ อีกทั้งที่บินไปไกลถึงเกาหลี แน่นอนว่าเว็บโดดเด่นก็ไม่พลาดที่จะต้องขอสอบถามเรื่องราวกันสักหน่อยว่า เป็นไงมาไง ถึงตัดสินใจจะยกเครื่องหน้าใหม่อีกครั้งที่ครั้งนี้บินไกลไปถึงเกาหลีเลย
เนื่องมาจากเคยคิดว่าอยากจะผ่าตัดยุบโหนกแก้มเพื่อให้หน้าดูละมุนกว่านี้ แต่ก็ติดที่เวลาไม่ได้สักทีสำหรับคิวหมอของเมืองไทยที่ตั้งใจไว้ และด้วยงานของตัวเองก็เยอะก็เลยเลื่อนมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่เจนนี่ ซึ่งเป็นเจ้าของ บริษัท ss agency เป็นเอเจนซี่ที่มีใบประกอบการถูกต้องตามกฎหมาย สุดท้าย ส้มก็ได้เข้าไปเป็น 1 ในโปรเจคของพี่เจนนี่ กับ โรงพยาบาลแกรนด์ ถือว่าเป็นโปรเจคใหญ่ที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ เพราะว่าทำทุกอย่างเลยค่ะ
ก็เป็นโมเดลของโรงพยาบาล ก็ต้องโมใหม่ทั้งหมดเลย อันนี้อยู่ในดุลพินิจของแพทย์ว่าจะทำอะไรให้เราบ้าง ว่าต้องปรับตรงไหน ซึ่งก็ค่อนข้างต้องทำเยอะเลยค่ะ
ก็คิดเยอะอยู่ค่ะ เพราะตัวเราเข้าใจอยู่แล้วว่าการทำศัลยกรรมไม่สามารถบอกได้เลยว่าผลจะออกมาเป็นที่พึงพอใจของเราได้แค่ไหน จะสวยเป๊ะหรือไม่!! ก็เลยกลับมาทำการบ้านโดยการหาข้อมูลของทางโรงพยาบาล และทางผู้ที่พาไปด้วย เน้นที่มีฝีมือ ประสบการณ์ ชื่อเสียง และความปลอดภัย ก็ค่อนข้างมั่นใจเลยตัดสินใจตกลงค่ะ
ทีแรกก็ไม่เหมือนจะเยอะนะคะ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ต้องทำตั้งแต่ขากรรไกรกันเลยทีเดียว การผ่าตัดขากรรไกร บน-ล่าง ถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่สุดของการศัลยกรรมกระดูกโครงหน้า ตอนนี้ผ่าตัดผ่านไป 3 รอบแล้ว – รอบแรก เอาซิลิโคนเหลวที่หน้าผากกับคางออก ผ่าตัดขากรรไกร ตัดโหนกแก้ม ตัดกราม รอบนี้ ใช้เวลาในการผ่าตัด 8-10 ชม. ซึ่งตรงนี้ ค่อนข้างมั่นใจในระบบความปลอดภัยของโรงพยาบาล ก็เลยลดความกังวลใจไปเยอะเลยค่ะ
พอฟื้นขึ้นมาก็ต้องบอกเลยว่าเจ็บมาก ทรมานมาก ทำเยอะขนาดนี้ไม่เจ็บก็คงแปลกเนอะ แต่ต้องห้ามหลับหลังฟื้น 6-8 ชั่วโมงนะคะ ต้องมีคนคอยปลุกตลอดว่า อย่าหลับๆ เรียกว่าทรมานจริงๆค่ะ เจ็บไปหมด กว่าจะสวย ก็ต้องอดทนกันไปค่ะ
ต้องบอกว่าของส้มเคยฉีดซิลิโคนมาก่อน และก็ต้องทำการขูดด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็เคยขูดมาหลายครั้ง ก็จะมีพังผืดรอยแผลเป็นอยู่ข้างใน ทำให้อาการบวมช้ำเนี่ยจะค่อยข้างจะมากกว่าคนอื่น บวมช้ำมากขนาดเด็กเห็นยังร้องไห้ แต่ตรงนี้เราเข้าใจและยอมรับได้ สักประมาณหนึ่งอาทิตย์ อาการบวมก็ค่อยๆลดลง รอยช้ำก็ค่อยๆจางไปค่ะ
ขยันประคบค่ะ ประคบเย็นบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ใน 3 วันแรก เพื่อลดอาการบวม หลังจากนั้นก็จะประคบอุ่นต่อ โดยส้มใช้ไข่ต้มอุ่นๆกลิ้งๆประคบตลอด เรียกได้ว่ามีไข่ต้มติดตัวไปประคบตลอดเลยค่ะ
ยังยุบบวมไม่หมดนะคะ ก็เริ่มยุบลงเรื่อยๆ ค่อนข้างพอใจที่เห็นหน้าตัวเองดูซอฟลง ไม่แข็งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดูเป็นหน้าผู้หญิงมากขึ้น ก็ต้องรอไปอีกค่ะ เพราะยังเข้าที่ไม่หมดเลยค่ะ ต้องรอ 3-6 เดือนค่ะ ถามว่าดีกว่าก่อนทำมั้ย ก็ต้องบอกว่าดีกว่า เพราะโหนกแก้มใหญ่ๆ ก็หายไป กรามเหลี่ยมๆก็หายไป หน้าก็ดูหวานขึ้นค่ะ คางที่มีซิลิโคนฟิลเลอร์ ก็ดูสั้นลง ดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ 100% ค่ะ
ก็น่าจะมีต่อนะคะ ด้วยตรงคางที่เรามีปัญหาทำให้มันยังไม่โอเคก็อาจจะต้องมีการปรับอีกค่ะ แต่ต้องรอสักพักค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าที่เท่าไหร่ ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าท้ายที่สุดแล้ว จะออกมาแบบไหน คิดว่าถ้าออกมาสวยพอใจคงแขวนมีดถาวรเลยค่ะ
เรียกได้ว่าเส้นทางนี้ยังอีกยาวไกลเลยเหมือนกันนะเนี่ยยังไงโดดเด่นก็ขอตามติด มีความคืบหน้ายังไงก็ต้องมาอัพเดทกันอีกครั้ง สำหรับครั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณ คุณส้ม ตีสิบ ที่แบ่งปันประสบการณ์ของตนเองมาโดยตลอด และฝากติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ ว่าสุดท้ายแล้วส้ม ตีสิบ จะออกมาในรูปแบบไหนกับการตัดสินใจครั้งนี้ ซึ่งเว็บโดดเด่นจะนำเสนอในครั้งต่อไปค่ะ
