เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางสำนักข่าวไทยได้มีการเปิดเผยข่าวเรื่องราวของ หญิงวัย 59 ปี ที่ได้เข้าแจ้งความพร้อมกับทนายความที่ สน.วังทองหลาง เพื่อเอาผิดกับโรงพยาบาลศัลยกรรมชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านรามคำแหง หลังจากที่เธอนั้นเคยไปทำศัลยกรรมยกกระชับใบหน้าจากโรงพยาบาลแห่งนี้ ผ่านมา 2 ปี ปรากฎว่าใบหน้าเธอเกิดผิดปกติ ทั้งมีไหมเย็บแผลค้างอยู่ในบาดแผล หน้าเบี้ยว และมีหนองไหลที่บริเวณขมับ
อย่างไรก็ตามเธอได้เล่าว่าเมื่อ 2 ปีก่อน เธอได้เห็นโฆษณาโครงการศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าชื่อดัง มีโปรโมชั่นลดราคาจาก 1 ล้านบาท เหลือ 250,000 บาท จึงเข้าไปปรึกษา และทางโครงการก็ส่งมาทำที่โรงพยาบาลศัลยกรรมย่านรามคำแหง เมื่อถึงเวลาทำจริงต้องจ่ายเงินเพิ่มรวมเป็น 380,000 บาท จากนั้นก็ต้องผ่อนชำระอีก 220,000 บาท ซึ่งเธอสนใจและอยากทำเนื่องจากอยากสวย รวมทั้งประทับใจเจ้าของโครงการที่หน้าตาสวย พูดจาดี ดูแลดี จึงอยากดูดีเลยตัดสินใจทำ
แต่สุดท้ายหลังจากทำมาแล้ว ใบหน้าของเธอกลับไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ เพราะใบหน้าของเธอมีสภาพแก้มห้อยไม่เท่ากัน ปากเบี้ยว ใต้ตาขวาเขียวช้ำ ใต้ตาซ้ายบวมปูดเหมือนมีก้อนเนื้อ ซึ่งเธอก็ได้ติดต่อสอบถามกลับไปทางโรงพยาบาล แต่ได้รับคำตอบว่าหลังทำสวยขนาดนี้แล้ว และยังนำภาพของเธอนั้นไปลงโซเชียลเพื่อทำการโปรโมตอีกด้วย
2 ปีต่อมา เธอก็เริ่มรู้สึกว่าใบหน้าของเธอเริ่มมีปัญหาอีก เวลานอนตะแคงก็เจ็บใบหน้า แล้วก็มาเห็นว่ามีก้อนบวมปูดที่ข้างขมับ บริเวณแผลที่ผ่าตัดยกกระชับ ปรากฎว่ามีหนองไหลออกมา และเธอสังเกตเห็นว่ามีเส้นไหมที่เย็บโผล่ออกมา จึงรีบเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อรักษา แต่หลายๆ โรงพยาบาลก็ปฏิเสธการรักษาเพราะเป็นผลมาจากการทำศัลยกรรม จนกระทั่งมีโรงพยาบาลหนึ่งช่วยดึงออกมาให้ พบว่าเป็นเส้นไหม ขนาดประมาน 2 เซนติเมตร จึงมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน
ผู้เสียหายเผยว่า ที่ผ่านมาพยายามเจรจาให้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบค่าเสียหายแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ มีแต่การฟ้องกลับ ตอนนี้กระทบการดำเนินชีวิตและการทำงาน ต้องปิดบังใบหน้าตลอด และแต่งหน้าปกปิด ทั้งที่ก่อนทำศัลยกรรมไม่ได้เป็นแบบนี้ ยอมรับว่าเคยฉีดหน้าหมอกระเป๋ามาก่อน ก็อยากแก้ไข จึงยอมนำเงินจากการขายกิจการบาร์มาทำศัลยกรรมหวังจะสวยแต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ ก่อนหน้านี้มีคดีความมาแล้ว หลังพบว่าโครงการได้นำรูปตนเองไปโพสต์ลงโซเชียล โดยแต่งใบหน้าก่อนทำศัลยกรรมให้แก่เกินจริงเทียบกับภาพหลังทำให้สวยขึ้น ทั้งที่ไม่เป็นความจริง จนมีคนเข้ามาด่าทอว่าสร้างความอับอาย ตนจึงดำเนินคดีฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย ขณะเดียวกันตนก็ถูกโรงพยาบาลฟ้องกลับคดียังอยู่ระหว่างชั้นศาล
สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่