ที่มา: Matichon Online

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม เวลา 13.30 น. ที่ร้าน Spec Bar ซ.เอกมัย 13 – 15 หญิงแย้ – นนทพร ธีระวัฒนสุข ได้แถลงข่าวเปิดใจถึงการเลิกรากับอดีตสามี นพ.นพรัตน์ รัตนวราห ศัลยแพทย์ชื่อดัง หลังเข้าพิธีแต่งงานเมื่อวันที่ 17 มกราคม โดยกล่าวว่าสาเหตุมาจากทัศนคติและไลฟ์สไตล์ที่ไม่ตรงกัน ซึ่ง 9 ปีที่คบหาดูใจได้พยายามปรับตัวเข้าหามาตลอด และคิดว่าความรักจะทำให้ก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ แต่เมื่อสุดท้ายไม่ใช่ก็ต้องถอยออกมา 

“9 ปีเรียนรู้กับเขามาตลอด เปลี่ยนตัวเองมากจากคนที่เหมือนชี้นิ้วสั่งต้องมาคนนอบน้อม ด้วยวุฒิภาวะของเขาเลยทำให้แย้เปลี่ยนตัวเอง ทำเพราะแย้รักเขา อยากให้เขามีความสุข แย้คิดว่าความรักทำให้สิ่งที่เราอดทน ไม่เป็นตัวเอง ก้าวผ่านไปได้ แต่สุดท้ายเหมือนเราต้องถอยออกมา และนอกเหนือจากที่สะสมมานานมันมีจุดแตกหัก” หญิงแย้กล่าว

23

พร้อมบอกด้วยว่า ที่หลายคนมองว่าเป็นผู้หญิงชอบปาร์ตี้แต่จริงๆ แล้วตนมีธุรกิจหลายอย่าง ทั้งร้านอาหาร ร้านขนม หรือหากใครทำบริษัทเอเจนซี่จะทราบว่าเวลาประชุมเรื่องงานกันมักจะประชุมประมาณ 20.00 -21.00 น. ตามร้านอาหาร แต่ตนก็ไม่เคยกลับเกิน 22.30 น. ตามที่คุณหมอตั้งกฎไว้และปฏิบัติตามมาโดยตลอด หรือถ้าอยู่เกิน 22.30 น. คุณหมอจะมาอยู่ด้วย จนทุกวันนี้ที่เลิกรากับคุณหมอก็ยังปฏิบัติตามคำสอนนั้นอยู่

“ยอมรับว่าใจร้อน เป็นปัญหาที่สั่งสมมานาน แล้วขอย้อนไปที่จุดแตกหัก คือ ปกติแย้กลับบ้าน 22.30 น. วันนั้นไปกินข้าวกับเพื่อนแถวทองหล่อ เพื่อนถามจะไปเที่ยวต่อไหม ก็อยากไปต่อเพราะไม่ได้เที่ยวนานแล้ว ก็โทรหาหมอว่าจะตามมาไหม อยากให้ตามมา คุณหมอก็ไม่ได้รับสายเลย ตั้งแต่ 2-3 ทุ่มครึ่ง ติดต่อเขาตลอดก็ติดต่อไม่ได้ ให้เพื่อนพยายามช่วยโทรเพื่อนก็อยากให้ไปต่อ ก็เลยทิ้งไลน์ไว้ว่าจะไปเที่ยวยังไงตามมานะ เสร็จปุ๊บหมอติดต่อกลับมาตอนเที่ยงคืน แย้รับสายเขาถามว่าอยู่ไหน อ่ออยู่ที่นี่ค่ะ กำลังเที่ยวอยู่ เขาก็ว่าแย้ทำไมไม่กลับบ้าน แต่งงานแล้วทำไมยังเที่ยวอยู่ ทำไมถึงสำมะเลเทเมา ไม่ปาร์ตี้สักวันได้ไหม ก็เลยบอกว่าจริงๆ ไม่ได้อะไรเลย เขาก็พยายามชวนตัวเองแล้ว แย้ยอมรับว่าอยากไปจริงๆ เพราะไม่ได้เที่ยวมานาน ชวนแล้วในไลน์ โทรไปไม่รับ แย้ฟังแล้วได้แต่ค่ะ โอเคค่ะ ไม่ตอบ กลับถึงบ้านเขาก็ว่าเหมือนเดิม เป็นอะไรที่อึดอัดมาก นึกไปถึงสิ่งที่สะสมมานานทั้งเรื่องการเปลี่ยนตัวเอง รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วนะจุดนั้น เลยถอดแหวนแต่งงานแล้ววางไว้ที่หน้าเขา แล้วก็ไปเก็บของบางส่วนที่เก็บออกมาได้แล้วก็บอกคุณหมอว่า เขาคงไม่ดีพอสำหรับตัวเองหรอก” หญิงแย้กล่าว

ก่อนจะเล่าว่า ฝั่งคุณหมอก็มองหน้าอย่างเดียวไม่ได้พูดอะไร เข้าใจว่าคิดว่าเดี๋ยวก็คงกลับมา เพราะตนเป็นคนค่อนข้างยอมแล้วก็เชื่อฟังมาตลอด แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน

“วันที่ 20 เม.ย. วันเกิดแย้ มันเป็นวันเกิดที่เศร้ามาก เราก็คิดว่าต้องมีเซอร์ไพร์ส เราหายไปจากบ้าน หายไปจากหมอตั้ง 4 วัน บล็อกไลน์ก็ไม่บล็อก 4 วันนั้นแย้เครียดมาก ทำไมเขาไม่เป็นห่วงเราเลยเหรอ เสียใจอ่ะ เขาควรต้องเป็นห่วง เขารู้ด้วยว่าเราไปอยู่ที่ไหน จนวันที่ 20 เม.ย. แน่นอนว่าผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่งแต่งงานก็มีความหวังว่าเขาจะมา แต่สุดท้ายก็เหมือนเซอร์ไพร์สตัวเองคือไม่มีอะไรเลย” หญิงแย้กล่าวทั้งน้ำตา

24

พร้อมบอกด้วยว่าหลังจากวันที่ 20 เม.ย. จึงตัดสินใจออกจากชีวิตคุณหมอ เพราะคิดว่าคู่ชีวิตน่าจะห่วงใยกันมากกว่านี้ จากนั้นเมื่อพ่อแม่ของตนกลับมาจากต่างประเทศวันที่ 26-27 เม.ย. จึงบอกให้พ่อแม่ทราบ แล้วลบคุณหมอออกจากกรุ๊ปไลน์ของครอบครัวตน อีกฝ่ายจึงไลน์หาพ่อแม่ตนว่าถ้าจะจบขอให้จบด้วยดี ไม่มีการดิสเครดิต ซึ่งตนก็เห็นด้วย แต่หลังจากนั้นคุณหมอก็โทรมาง้อแต่ตนกลับไปไม่ได้แล้ว

อย่างไรก็ตามหญิงแย้กล่าวด้วยว่า จริงๆ แล้วเคยบอกเลิกกับคุณหมอตั้งแต่ก่อนจะแต่งงาน เพราะรู้สึกไม่พร้อม ไม่อยากแต่ง แต่อีกฝ่ายก็อธิบายให้คล้อยตาม หลังจากนั้นหนึ่งวันคุณหมอก็ปล่อยคลิปที่ขอแต่งงานจึงตัดสินใจแต่ง และขอยืนยันว่าเรื่องเงินหรือสินสอดไม่ได้เป็นประเด็นในการเลิกราครั้งนี้ เพราะที่บอกเรือนหอมูลค่า 100 ล้านนั้นเป็นชื่อคุณหมอแต่เพียงผู้เดียว เช่นเดียวกับรถยนต์ ส่วนสินสอด 30 ล้าน คุณหมอบอกตั้งแต่ต้นว่าอยากให้เกียรติตนและครอบครัว ให้งานแต่งดูยิ่งใหญ่ แต่เมื่อแต่งก็ได้มีคืนกลับไป โดยแหวนเพชรได้คืนคุณหมอไปแล้ว ต่างหูเพชรก็อยู่ที่บ้านคุณหมอ เหลือเพียงแต่กำไลเพชรที่ตนใส่ติดตัวอยู่

“แย้ไม่ได้อะไรจากตรงนี้ ไม่ได้เป็นเหตุผลเลิกกัน เรื่องสินสอด คุณหมอบอกตั้งแต่ต้นว่าอยากให้สมเกียรติ สมฐานะ อยากให้ดูยิ่งใหญ่ดูดี แย้ก็โอเค เชื่อฟังหมอ พ่อแม่ไม่ขัด แย้ไมได้สนใจว่าจะเอาเงินมาทำไม ไม่ได้มีผลอะไรต่อชีวิตคู่อยู่ดี เรื่องแย้กับทางครอบครัวหมอ จริงๆ เขาไม่ได้บีบบังคับอะไร ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับครอบครัวหมอ ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นทาสอาจเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน เพียงแต่เราทำงานมาเหนื่อยก็อยากรีแล็กซ์ แต่เราต้องไปเอาใจดูแลอีกมากมาย โดยตอนนี้วางแผนชีวิตแต่ตัวเอง เราก็เดินออกมามากพอสมควร มีความสุข สนุกกับการทำงาน มีอิสระในความคิด การตัดสินใจ มีความสุขกับการดูแลครอบครัว” หญิงแย้กล่าว

ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าถ้าคุณหมอมาง้อก็คงไม่กลับไป เพราะเจ็บมากตั้งแต่วันที่เดินออกมาจากบ้าน โดยตอนนี้คงไม่มีอะไรต้องเคลียร์แล้วเพราะใช้เวลาทบทวนตัวเองมาหลายวัน รู้สึกว่าตัดสินใจถูกที่เดินออกมา แม้จะไม่ได้อะไรสักสตางค์ แต่ตอนนี้ก็ยังเคารพและรักคุณหมอเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามการเลิกราครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับมือที่สามแต่อย่างใด และไม่ใช่การสร้างกระแสเพื่อโปรโมทสินค้าใดๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอายถ้าตนกล้าทำแบบนั้นคงทุเรศตัวเองมาก

“ก็อยากจะฝากถึงคุณหมอนะคะว่าขอบคุณมากตลอด 8-9 ปีที่ผาานมา สั่งสอนแย้ให้เข้มแข็งให้ดูแลตัวเองได้ อย่างที่หมอเคยบอกว่าถ้าวันหนึ่งพี่หมอไม่อยู่ แล้วเขามีลูก แย้ต้องแข้มแข็งดูแลลูกให้ได้ ตอนนี้เราก็เก็บแค่ความทรงจำดีๆ เก็บแต่เรื่องราวดีๆ มันผ่านมาเยอะ ส่วนบทเรียนเหรอ บทเรียนของแย้ก็คือความรักไม่ใช่ทุกอย่าง ชีวิตคู่มันมีองค์ประกอบเยอะมาก ถ้าใครตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่น บอกเลยว่าให้ช่วยถอยหลังคนละก้าว ถ้าเราต้องเปลี่ยนตัวเองมากๆ เพื่อใครสักคนก็คงไม่ไหว” หญิงแย้กล่าวในที่สุด

เรื่องน่าสนใจ