หนังสือภาพเด็กในเวนิสถูกแบนเนื่องจากมีเนื้อหาเกี่ยวกับรักร่วมเพศกลาย เป็นประเด็นในการโต้เถียงเรื่องสิทธิเกย์ในอิตาลี
ในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี นิทานเด็ก 49 เรื่องดูเหมือนว่าจะสร้างความปั่นป่วน เรื่องราวเกี่ยวสุนัขเพศผู้ซึ่งใฝ่ฝันจะเป็นนักบัลเลย์หญิง หรือ เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายที่อยากจะเป็นเจ้าหญิงและเจ้าหญิงผู้อยากจะเป็นนักฟุตบอล หรือเรื่องราวของตัวอ่อนเพนกวินซึ่งถูกรับอุปการะโดยเพนกวินเพศผู้สองตัว(ซึ่งนำมาจากเรื่องจริงของสวนสัตว์เซ็นทรัลพาร์คในนิวยอร์ก) หรือเรื่องราวของเด็กชายซึ่งเรียนรู้ที่จะอยู่ร่างกายที่พิการ ซึ่งบรรยายอย่างเปรียบเปรยว่าเหมือนกับกระทะเล็กๆที่ดังอยู่รอบๆการรับรู้ของของเขา
แต่กฏหมายใหม่ของนายกเทศมนตรีสายอนุรักษ์นิยมคนใหม่ของเวนิส ลุยจิ บรูกราโน ได้ประกาศว่าเขาจะแบนหนังสือเหล่านี้จากห้องสมุดของโรงเรียนก่อนอนุบาล ซึ่งหลังจากการคัดค้านจากหลายฝ่าย ทั้งประชาชน ผู้เขียน ผู้จัดพิมพ์ สมาคมบรรณารักษ์ หรือแม้แต่องค์การนิรโทษกรรมสากล ทำให้เขาตัดรายการรายชื่อหนังสือออกเหลือเพียงแค่สองเล่ม แต่นั่นไม่ใช่ก่อนที่นายกเทศมนตรีจะจุดประเด็นของการอภิปรายเกี่ยวกับ สิทธิการศึกษาที่จะเลือกเครื่องมือสื่อการสอนโดยไม่มีการแทรกแซงของรัฐ และอิตาลีนั้นเริ่มที่จะขยายขอบเขตของการต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองของเกย์ให้กว้างขึ้น
หนังสือสองเล่มที่ถูกแบนนั้นมีประเด็นเกี่ยวกับครอบครัวของชาวรักร่วมเพศที่อาศัยอยู่อย่างมีความสุข แต่มันกลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงเมื่อข่าวของประเทศได้ขึ้นพาดหัวอย่างไม่เป็นมิตรว่า “เทพนิยายเกย์” แต่อย่างไรก็ตามจากการโน้มน้าวและแสดงการตำหนิขององค์กรสิทธิมนุษยชนและกลุ่มอื่นๆ อิตาลีต้องพยายามที่จะผ่านกฏหมายประนามการเกลียดกลัวคนรักร่วมเพศ ซึ่งเป็นเพียงประเทศหลักไม่กี่ประเทศในยุโรปที่ไม่ยอมรับกลุ่มรักเพศเดียวกันอย่างถูกกฏหมาย ปล่อยให้ขึ้นอยู่กับกฏหมายแต่ละเมือง รวมทั้ง โรม และมิลาน ซึ่งกฏหมายการจดทะเบียนมีอยู่อย่างจำกัด
คามิเลีย เซเบซซี สมาชิกสภาสิทธิพลเมืองของผู้บริหารเวนิสคนก่อนนั้นซึ่งเป็นผู้สนับสนุนให้นำหนังสือเหล่านี้ไว้ที่ห้องสมุด กล่าวว่า “เหตุการณ์ในครั้งนี้บอกอะไรมากมายเกี่ยวกับประเทศนี้” ก่อนการแบนหนังสือเด็กมากมายถูกวางไว้บนชั้นหนังสือของโรงเรียนโดยไม่มีความกังวลใดๆ แต่จากนั้นมันถูกจัดอยู่ในรายชื่อการอ่านโดยคณาจารย์มหาวิทยาลัยและผู้เชี่ยวชาญเด็กวัยอนุบาล เพื่อช่วยให้ครูในโรงเรียนอนุบาลได้ต่อสู้กับอคติ และ stereotypes แต่เมื่อมีการแบนหนังสือและกลายเป็นประเด็นโต้เถียงเกิดขึ้น หนังสือเกือบทั้งหมด ซึ่งมีปลายทางไปยังเนิร์สเซอรรี่และโรงเรียนอนุบาล 28 แห่งของเมือง ซึ่งไม่เคยไปถึงห้องสมุดและยังคงถูกห่อไว้ในกล่องทิ้งไว้ในสำนักงาน การโต้เถียงทำให้อาจารย์ระมัดระวัง แม้ว่าพวกเขาจะสนใจ แต่ก็หวาดกลัวเกินกว่าจะถามถึงมัน
ในการสัมภาษณ์ครั้งล่าสุด นายบรูกาโร ซึ่งไม่ได้รู้สึกขอโทษแต่อย่างใด เขากล่าวเกี่ยวกับการแบนหนังสือว่าการนำหนังสือเหล่านี้ไปสู่โรงเรียนก่อนอนุบาลเป็นการกระทำที่ไม่ปรึกษาผู้ปกครอง ซึ่งผู้บริหารคนก่อนได้กระทำนั้นเป็นความถือดี มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ เด็กในโรงเรียนเตรียมอนุบาลจะต่อสู้กับความคิดของผู้ใหญ่ซึ่งหนังสือภาพพยายามส่งสาร แน่นอนว่าเขาต่อต้านและเขายังกล่าวอีกว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าลูกสาววัยสามขวบของเขากลับมาบ้านและถามว่า พ่ออีกคนอยู่ที่ไหน เขามองว่าในปัจจุบันการมีลูกในเชิงเทคนิคนั้นยังคงต้องการผู้ชายและผู้หญิงอยู่ เขายังเสริมอีกว่าหนังสือเหล่านี้เสี่ยงที่จะทำให้เด็กสับสน
ในอีกด้านนึง นิโคลา โฟวจี คนขายหนังสือใน เมสเตร เขตหลักของเวนิส ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอ่านกล่าวว่า มันไม่ใช่ปัญหาของฝ่ายซ้ายหรือขวา มันเป็นแค่การโฆษณาของการหาเสียงเลือกตั้ง เขากล่าวอย่างไม่พอใจว่าวรรณกรรมเด็กกลายเป็นพื้นที่ของความขัดแย้งทางการเมือง บางอย่างควรจะอยู่ข้างนอกพื้นที่เหล่านี้ และมองว่าบรูกาโร ไม่มีอำนาจที่จะแบนหนังสือเหล่านั้น