fat09

วันนี้เลยอยากออกมาเล่าประสบการณ์ลดน้ำหนักของผมให้เพื่อนๆฟังกันนะครับ ปล.ไม่เก่งเรื่องเขียนผิดพลาดอันใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

เรื่องมันมีอยู่ว่าตลอดเวลา 20 กว่าปีในชีวิตผมที่ผ่านมาไม่เคยมีคำผอมในชีวิตเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะความสุขของผมบอกได้เลยคือเรื่องกิน(ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ครับ 5555++) หาอะไรทานไปวันๆ ปล่อยตัวเองมากอยากกินอะไรก็กิน จนในที่สุดเมื่อสมัยเรียนมัธยม น้ำหนัก 89 จนเข้ามหาลัยขึ้นมา อยู่ที่ 98 อย่างรวดเร็ว.

fat01

fat03

fat02

สมัยเข้ามหาลัยแรกๆหนักประมาณ 90 กว่าๆ ใครถามจะตอบ80 กว่าเพื่อรักษาภาพพจน์ ผมค่อยข้างที่จะเป็นเด็กกิจกรรมออกค่ายกะทางชมรมตลอด ดังนั้นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือ การกินหมูกระทะกับเพื่อน บ่อยครั้งที่กินหมูกระทะกะ 3 ครั้งต่ออาทิตย์ เคยมีอยู่ครั้งนึงกิน 3 วันติดก็มี ผมก็ไม่ได้ใส่ใจการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ตอนนั้น จนมีช่วงหนึ่งที่มีกิจกรรมรับน้องขึ้นดอย แล้วเพื่อนๆวิ่งขึ้นดอยกัน ผมก็เดินขึ้นปกติ จากพร้อมคณะ ก็ตกลงมาเรื่อยๆ โดนคณะอื่นแซงจนไม่ไหว ก็ยอมรับนะครับ ว่าอ้วน ทำไงได้ เพื่อนบอกเร็วๆสิ เราก็พยายามแล้วแต่ก็ได้เท่านี้เลยให้เพื่อนล่วงหน้าไปก่อน จนหลังจากนั้นก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

fat04

fat05

 

fat06

fat07

fat08

ชีวิตมหาวิทยาลัยของผมก็ดำเนินผ่านมาเรื่อยๆจนมาถึงช่วงทำงาน ตอนนั้นจบจากมหาวิทยาลัยมาน้ำหนักอยู่ที่ 114 ครับ ช่วงว่างๆก็พยายามลดน้ำหนักนะครับ อ่านในเว็บมากมายแต่ทำไม่ได้จริงๆ พยายามแล้วแต่ก็ไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่…เป็นน้ำหนักที่โหดร้ายมากช่วงนั้น จนน้ำหนักลดลงมาถึง 108(น่าจะนะครับเพราะตอนนั้นตรวจสุขภาพก่อนทำงานวัดได้เท่านี้)

หลังจากนั้นออกมาทำงานที่ กทม. ที่พักก็ไม่มีลิฟท์ อีกทั้งยังอยู่ชั้น 5 เดินขึ้นเหนื่อยมากๆ ช่วงนั้นน้ำหนักก็ยังคงตัวปกติ แต่มาช่วงหลังที่รวมตัวกับเพื่อนก็นัดกันทานข้าวเน้นไปที่บุฟเฟต์เป็นส่วนใหญ่ เรียกว่าบ่อยมากๆแทบทุกสัปดาห์เลยก็ว่าได้

ตลอดเวลาที่ทำงาน ปีครึ่ง น้ำหนักก็ขึ้นมาอีก จนมีวันนึงไปสังสรรค์กะเพื่อนที่ทำงาน มีผู้หญิงท่านหนึ่งบอก เอ้ยถ้าผอมนี่หล่อเลยนะ ทำไมไม่ลดความอ้วนจริงจังล่ะ ก็เลยขอเวลาไป 4 เดือนแต่แทนทีจะผอมกลับบวมเบียร์อีก เวลาหยุดงานกลับมาบ้าน ก็จะโดนด่า อ้วนแบบนั้นแบบนี้ เราก็อ้วนมานานก็เลยชิน ด่าก็ไม่ค่อนสนใจอะไรเท่าไหร่

fat18

fat19

ทีนี้ก็มีช่วงเปลี่ยนชีวิตครับ มีแพลนที่จะต้องออกไปเรียนต่อต่างประเทศเล็กๆ เลยลาออก มาใช้ชีวิตอยู่บ้านจัดการเรื่องวีซ่า ช่วงที่ลาออกมาน้ำหนักตอนนั้นอยู่ที่ประมาณ100 กว่าๆ ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ พอมาอยู่บ้านซักพักเวลาว่างมันก็เยอะ บวกกับเช็คผลตรวจเลือดหมอเตือนว่ามีโอกาสเป็นโรคเบาหวานสูงมาก เพราะย่าก็เป็น แม่ก็เป็น ถ้าปล่อยอ้วนต่อไปก็อันตรายครับ จึงเป็นที่มาของการลด น้ำหนักอย่างจริงจังเลยครับตอนนี้

ช่วงแรก 114 kg —> 87-90 kg.

ช่วงนี้การลดน้ำหนักของผมค่อนข้างเหนื่อยมาก เข้าใจอารมณ์คนอ้วนที่ออกกำลังกายไม่ได้มาก่อนไหมครับ เดินสักพักก็เหนื่อยมาก ผมก็พยายามอ่านตามเว็บต่างๆมากมายว่า ควรจะทำอย่างไรกับชีวิตดี เลยตัดสินใจไปว่ายน้ำก่อนแทบทุกวัน (ปล.ตอนนั้นออกมาอยู่เชียงใหม่ พื้นเพผมคนเชียงรายนะครับ) โดยตัดใจสมัครรายเดือนสระว่ายน้ำไปเลย ผลปรากฎว่า ลดได้ดีครับเรื่อยๆ และหลังจากนั้นก็เริ่มวิ่งได้บ้าง30นาที จนเป็นชั่วโมงครับ …ผมคุมอาหารทุกอย่าง แต่ก็กินหมูกระทะอะไรกับเพื่อนบ้านตามปกตินะครับ แค่น้อยลง ลดอาหารมันๆ อย่างตอนเช้า กินปกติครับ แค่ลดข้าวลง. กลางวัน-กินเส้นครับ ถ้ากินข้าวก็ลดข้าวลง เย็น- พยายามกินพวกผักๆแป้งน้อยๆละก็โปรตีนจากอกไก่บ้าง ผมชอบทำน้ำจิ้ม3รสคลุกอกไก่บด ห่อผักสลัดกินครับ ช่วงนั้น น้ำหนักลงไวมาก มีคนทักว่าทำไงผอมลง จนในที่สุดใช้เวลาประมาณ 5 เดือน นนลงมาอยู่ที่ 87-90 ครับผม

fat10

fat11

 

ช่วง 87kg – 75kg.

ตอนนั้นก็ได้เวลาย้ายมาเรียนที่ต่างประเทศละครับ ไม่ได้ดูอ้วนมากละครับ แต่ก็ดูท้วมๆ พอผมเข้ามาทำงานบาร์ตอนกลางคืน มีพนักงานสาว 3 คนชาวมาเลฯ ฮ่องกง และไอร์แลนด์ ชอบล้อผมว่าอ้วนอยู่นะ !!! เดินมาจี้เอว บอกอย่างนุ่ม (คิดว่าน้ำหนัก ตอนนั้นน่าจะโอเครแล้ว86 ได้ สูง178 ไม่อ้วนมาก) แต่มันจี๊ดครับที่โดนบอกว่า เห้ยยยท้องยูโซซอฟ คิ้วเบลลี่!!! (ยูโซแฟทลาา- malay accent) ทำได้อยู่ 4 เดือนกว่าไม่ได้ออกกำลัง น้ำหนักคงที่ จนได้มารู้จักคนๆหนึ่ง ซึ่งมีส่วนเปลี่ยนชีวิตผม เป็นคนซาอุฯ เคยเป็นเทรนเนอร์ให้ทหารมาก่อน แต่ลาออกมาทำงานร้านอาหารที่นี่ในครัว แกก็บอกไม่ลองเล่นเวทเทรนนิ่งดูล่ะ (ตอนนั้นหนังผมค่อนข้างยานเพราะลดน้ำหนักแต่แบบคาดิโออย่างเดียว ผมเลยถามว่าต้องทำอย่างไร) ทีนี้ผมเลยเข้าหาโปรแกรมในเนตเลยครับ ว่ายังไงจนได้มาเจอโปรแกรมสำหรับหุ่นนายแบบ โดยนักเพาะกายทีมชาติ(พี่ซี) ผมไม่รู้จักท่าและไม่มีเทรนเนอร์เลยได้แต่วาดรูปถ่ายละไปดูตอนเล่นครับ

ปล.ผมศึกษาในเว็บมาตลอดและพยายามปรับตัวเองสมัครเข้ายิมตั้งแต่นั้นมาครับ…

fat10

fat11

 

เน้นกินคลีนครับ ผ่านการปรุงน้อยสุด และกินเวย์หลังเล่นเวทตลอดครับ เวย์ที่นี่ราคาถูกครับถ้าเทียบกับกินจากธรรมชาติ ผมก็กินอะไรปกติตามแบบคนทั่วไปนะครับแค่พยายามลด แป้ง น้ำตาล เกลือ ผมไม่มีเทรนเนอร์เวลาซ้อมนะครับ เวลาถามว่าจะเล่นท่านั้นยังไงจะเอาไปถามพี่ที่เคยเป็นเทรนเนอร์ที่ทำงานว่าเล่นยังไงถึงถูกจนผ่านมาถึงทุกวันนี้ ความเปลี่ยนแปลงก็มีดังรูปครับ

fat12

fat13

fat14

fat15

ปัจจุบัน

fat16

 

ภาพเปรียบเทียบ อดีต-ปัจจุบัน

fat17

อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่ พันทิป

 

ป้ายกำกับ:

เรื่องน่าสนใจ