ทุกวันนี้ กระแสแอนตี้ศัลยกรรมเริ่มเบาลงหลังจากผู้ชายหลายต่อหลายคนทนไม่ไหว เมื่อถูกผู้หญิงที่ตัวเองชอบและรักทิ้งไปอย่างไม่ใยดี เพียงเพราะตัวเองหน้าตาไม่ดี หรือทนรับใบหน้าที่พ่อแม่ให้ติดตัวมาตั้งแต่เกิดไม่ได้
จึงยอมเก็บเงินแลกความคุ้มค่า เพื่อได้มาซึ่งใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับดาราเกาหลี จากคนไม่เคยมีใครมองกลายเป็นต้องหันกลับมามองเป็นกวางเหลียวหลังจนคอแทบหัก
แถมชาวโซเชียลทั้งหลายยังกระหน่ำแชร์จนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ จุดประกายเป็นแรงบันดาลใจให้คนไม่หล่อทั่วๆ ไปอยากหล่อ และคนที่หล่ออยู่ก็แล้วก็หล่อขึ้นไปอีก ลองมาดู 3 อันดับการศัลยกรรมยอดฮิตกันว่าผู้ชายสมัยนี้ เขานิยมทำศัลยกรรมอะไรบ้าง
ยังคงครองแชมป์ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะโครงหน้าหนุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเราเป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ คือมีโหนกแก้มที่ชัดเจน แต่ดั้งกลับมีนิดเดียว อธิบายง่ายๆ เหมือนคนนอนตะแคงแล้วตาแทบจะไหลไปรวมกันได้
ถึงแม้ตอนเด็กๆ พ่อกับแม่จะพยายามดึงดั้ง หรือเอาที่หนีบผ้ามาหนีบให้เท่าไรก็ยังไม่ขึ้นสักที สุดท้ายก็ต้องพึ่งมือหมอนี่แหละขึ้นแน่นอน และยังสามารถเลือกทรงให้แมนสมชายชาตรีได้อย่างต้องการ ให้เข้ากับใบหน้าของแต่ละคนได้อีกด้วย เรียกว่าหล่อไม่ซ้ำใคร
อันนี้เป็นผลมาจากการทำจมูก เมื่อปลายจมูกโด่งจนหล่อเหลาขึ้นแล้ว คางก็ต้องรับกับจมูกด้วยเช่นกัน เพื่อให้ได้สัดส่วนใบหน้าพอดีได้รูป แต่ถ้าใครมีคางอยู่แล้ว ไม่ต้องนะ เดี๋ยวหน้าคนจะกลายเป็นมะม่วงซะเปล่าๆ
แต่เรื่องคางก็ขอให้เลือกหมอที่เชี่ยวชาญสักหน่อย เพราะถ้าทำไม่ดี มองตรงแล้วหน้าหล่อเหมือน ณเดชน์ แต่พอมองด้านข้างเหมือนเอาเลโก้มาแปะไว้ลักษณะนี้เรียกว่าหล่อมิติเดียว ฉะนั้นถ้าคิดจะทำคางแล้ว เลือกหมอดีๆ เอาให้หล่อครบสามมิติ
ปัญหาของการฉีดโบท็อกซ์และเมโสแฟตคือ ฉีดแล้วต้องคอยซ้ำทุก 4 – 6 เดือน จะไปจิ้มบ่อยๆ ก็กลัวจะโดนหาว่าไม่แมน หลายคนเลยตัดสินใจขอแบบรอบเดียว เรียกว่าเปลี่ยนโครงหน้าจบได้ในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แถมไม่มีแผลเป็นคอยกวนใจให้เห็นอีกด้วย
วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าคุณควรตัดกระพุ้งแก้มหรือไม่คือ ให้ลองทำปากจู๋หน้ากระจก ถ้าพื้นที่ส่วนแก้มขยับน้อยหรือแทบไม่ขยับเข้ามาเลย แปลว่าไขมันในแก้มคุณมากพอให้หมอเฉือนออกได้อย่างคุ้มค่า
คิดให้ดีก่อนตัดสินใจ
ปัจจุบัน การสื่อสารกว้างไกล การค้นหาข้อมูลทางการแพทย์ ข้อมูลสถานพยาบาล หรือข้อมูลวิธีการรักษาไม่ใช่เรื่องยาก แต่ควรหาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนตัดสินใจ ทำความเข้าใจเรื่องสรีระและความเป็นไปได้ของร่างกายตัวเอง ถึงอย่างไร ความพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ย่อมดีที่สุด หากต้องการปรับปรุงจุดด้อยของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ขอให้คำนึงถึงความถูกต้องและความปลอดภัยของตัวเองด้วยครับ