ดูเหมือนจะดิ้นไม่หลุดสำหรับ “เอ-วิทิต แลต” ที่ล่าสุดเพิ่งโดนกล่าวหาว่าทำอนาจารนักศึกษา ซึ่งฝ่ายหญิงผู้เสียหายก็ออกมาให้ข่าวว่าโดนล่อลวง จนเจ้าตัวต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเรื่องราวทั้งหมด พร้อมยันเสียงแข็ง “ผมไม่ผิด!!”
แต่ยังมีคำถามอีกหลายคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ และอีกหลายคำถามที่หลายคนได้แต่คิดไว้ในใจ “ไม่กล้าถาม” แต่วันนี้เรา “จะถาม!!” รายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทาง “ช่อง 2” บันเทิง..ถึงรส ถึงคุณ ขอดึงตัว “เอ-วิทิต” มาเคลียร์ทุกคำถาม ตอบทุกประเด็นแบบชัดเจนที่สุด ตรงไปตรงมาที่สุดและคงต้องบอกว่าโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบนสัมภาษณ์นี้ เพราะคำถามและเนื้อหา 18+ เ ท่านั้นจริงๆ
อนาจาร ?
“ตอนนี้ในทางกฎหมายก็ยังไม่ได้มีการตั้งข้อหาใดๆ ทั้งสิ้นว่า เราไปทำความผิดจริงหรือเปล่า เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงที่ต้องให้ปากคำ สืบพยานทางฝ่ายผู้เสียหายอย่างที่เขาบอก”
ผู้เสียหายบอกไปเป็นเอ็กซ์ตร้าหนัง และจ่ายตังค์ 2,000 ?
“เหตุการณ์ตรงนั้นมีการจ่ายตังค์อะไรกัน ผมไม่ทราบ ผมบอกไปตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันจะมีบางพาร์ทที่ผมอยู่ด้วย และบางพาร์ทที่ผมไม่ได้อยู่ด้วย ที่ผมจะพูด ณ วันนี้คือพาร์ทที่ผมอยู่ด้วยทั้งหมด ไอ้ตรงไหนที่ผมอยู่ ผมก็จะบอกว่าอยู่ ไอ้ตรงนี้ผมไม่อยู่ก็จะบอกว่าไม่อยู่”
วันนั้นเมาแอ๋ ?
“ผมเป็นคนมาทานแอลกอล์ฮอล์นะครับ ใครๆ ก็ทราบ หน้าผมให้มาก แต่ใครก็ตามที่รู้จักผม ผมเป็นคนไม่ทานเหล้า ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
แล้วคุณผู้กำกับเมาไหม ?
“อันนั้นผมไม่รู้ครับ เขาจะทานอะไรก็แล็วแต่”
แล้วย้ายที่คุยงานตั้ง 3-4 ที่เพื่อ ?
“ทางคุณภาม(ผู้กำกับ) เขานำเสนอน้องว่า แคสที่โรงแรมเดี๋ยวเราไปเต้นไปสนุกสนานกันก่อน อาจจะเพื่อทำความคุ้นเคย หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ผมไม่ทราบ อันนั้นเป็นส่วนพาร์ทที่เขาคุยกัน แต่เขาไปไหนผมก็ไปด้วยอยู่แล้ว”
แล้วทำไมต้องไปกับเขา หวังได้ฟรีใช่ไหม มีตั้ง 5 คน ?
“ตรงนั้นผมยังไม่ได้คิดนะ เพราะยังไม่มีเหตุจูงใจอะไรที่ทำให้ผมคิดว่าจะต้องมีเซ็กซ์แน่นอน หรือจะมีเซ็กซ์เกิดขึ้น แต่เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังต่อจากนี้ไปว่ามันเกิดอะไรขึ้นมันก็จะมีเหตุการณ์ว่าจากร้านอาหารตอนนั้นออกจากร้านอาหารก็น่าจะประมาณ 3-4 ทุ่มแล้ว”
3-4 ทุ่มแล้วยังไม่ได้เทสต์อะไรกันเลย ทำอะไรอยู่ตั้งหลายชั่วโมงที่ร้านนั้น ?
“ยังไม่ได้เทสต์เลยครับ มันจะมีน้องๆ คนที่คุณภามเขาติดต่อน้องๆ ไว้ แวะเวียนมาหลายคนนะ ไม่ใช่แค่ 5-6 คนนี้ พอชุดนี้มาปุ๊บ บางคนไม่โอเคกับข้อตกลงที่คุยกันไว้เขาก็กลับกันไป”
ข้อตกลงคืออะไร แก้ผ้า ?
“อันนั้นเรื่องของคุณภาม ผมไม่ได้ฟัง”
โอเค แล้วยังไงต่อ ?
“โอเคซึ่งย้ายจากสถานที่นี้ย้ายไปที่ผับ น้องๆ บางคนเขาก็มีรถส่วนตัวมา ต่างคนก็ต่างขับรถๆไป แต่ของผม ผมไปกับคุณภาม ซึ่งคุณภามเป็นคนขับ จะมีน้องคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างคุณภาม ส่วนผมนั่งหลังคุณภาม แล้วก็มีน้องคนหนึ่งนั่งข้างผม ก็ออกจากร้านอาหารจะไปที่ผับ แต่ก่อนจะไปที่ผับคุณภามจอดรถเข้าข้างทาง”
จอดทำไม ?
“นั่นน่ะสิ ผมเองก็ไม่รู้นะ ก็จอดเข้าข้างทาง ก็หันมาบอกว่า บอกกับน้องนะ บอกว่าเดี๋ยวพี่จะทำการเทสต์หน้ากล้องก่อนนะ เดี๋ยวเล่นบทนี้ดู น้องลองยั่วพี่เอซิ ผมก็(ทำหน้าตกใจ) อะไรวะ ให้ตายอันนี้ผมไม่รู้จริงๆ แต่ก่อนจะมีการยั่วเนี่ยคุณภามได้มีการบอกให้น้องถอดกระโปรง น้องเขาใส่กระโปรงกันมานะครับ น้องก็ยังถามกลับไปยังพี่ภามว่าต้องถอดกางเกงในด้วยไหมคะ”
คนไหนถาม ?
“คนที่นั่งอยู่กับผมนี่แหละ ก็ถอด เขาก็ถอดแต่โดยดีนะ โดยที่ผมไม่ได้ไปใช้กำลังหรือฉุดกระชากลากถู”
แล้วคุณถอดไรบ้าง ?
“ผมไม่ได้ถอด ผมอยู่เฉยๆ ผมมัวแต่อึ้งอยู่ ผมไม่เคยเจอนะ ในใจผมก็อะไรวะ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ครับ”
แล้วน้องเขาทำอะไรบ้าง ?
“คุณภามก็ได้สั่งน้องว่า ไหนลองยั่วพี่เอ”
น้องเขาไม่อายทั้งที่มีเพื่อนอยู่ และอยู่ข้างถนน ?
“ใช่ๆ ข้างถนน แต่เราอยู่ในรถนะครับ ไม่ใช่นอกรถ อยู่กันในรถ”
แล้วเขายั่วยังไง ?
“ก็เริ่มไซ้ส์โน้น ไซ้้ส์นี่”
เค้าไซ้ส์คุณ หรือคุณไซ้ส์เขา พูดชัดๆ ?
“เขาไซ้ผม”
ไม่เป็นสุภาพบุรุษนะ ถ้าคุณโกหก ?
“ใช่ๆ”
นั่งเป็นท่อนไม้ ให้เขาไซ้ส์ ?
“ไม่ได้นั่งทื่อเป็นท่อนไม้ แต่ก็ไม่ได้มือเป็นปาหมึก ผมไม่ใช่วิทิต ปลาหมึก ไม่ใช่(หัวเราะ) โอเค…ต่อ ก็ค่อยๆ ไซ้ส์ ก็ลงมาข้างล่าง คุณภามได้บอกน้องเขาว่าทำไปตามฟิลลิ่งเลยนะ”
แล้วเขาลงไปทำอะไรให้คุณ แกะเชือกรองเท้าหรอ ?
“แกะเข็มขัดผมครับ เขายังบอกกับผมเลยว่า เข็มขัดพี่เอเนี่ยถอดยากเหลือเกิน ผมก็เยส (อมยิ้ม) อีกแล้ว อะไรวะเนี่ย ตอนเนี่ยเริ่ม ตอนนี้ผมมา 50% แล้ว อันนี้ผมไม่ได้โกหกเลย ผมมา 50% แล้วว่าผมได้แน่ ก็ไม่ได้คิดอะไร น้องเขาก็ถอดกางเกงผมออก แต่ไม่ได้ถอดจนล่อนจ้อนนะครับ ก็ถอดจนเหลือกางเกงในตัวหนึ่ง ซึ่งกางเกงยีนส์ ก็จะอยู่ประมาณหัวเขา นี่ผมโคตรละเอียดเลยนะ น้องเขาก็เลยงัดน้องชายผมออกมา”
เอาหนอนนกคุณออกมาแล้วทำอะไรต่อ ?
“ใช่หนอนนก(หัวเราะ) คือถ้าพูดให้สุภาพที่สุดก็คือออรัลเซ็กซ์ให้ผมนั่นแหละ ตรงนั้นทำให้ผมคิดได้ว่าแม่นแล้ว(ยิ้ม) 100% แน่ๆ ที่ถามมาตลอดว่าทำไมคุณโน้นนี่ หวังจะอะไรเขา ตอนแรกไม่ได้คิดเลย เนี่ยมาคิดได้ตอนนี้ครับ”
คุณเอาสิ่งเหล่านี้มาพูดมันทำให้ผู้หญิงเสียหาย ?
“ผมเองไม่อยากพูดเลยนะครับ แต่เพราะบอกให้ผมพูดความจริงๆไง (หน้าตาจริงจัง) ผมถึงพูดความจริงนี่ไง ไม่งั้นก็ดูเป็นผมผิดหมดเลยทุกอย่างอะไรที่มันเกิดขึ้นก็บอกไปตรงๆ ว่ามันเกิดขึ้นหมดทุกอย่าง”
ตอนนั้นที่คิดว่าได้ 100% กะจะทำในรถ ?
“ไม่ๆ ไม่ทำในรถเพราะเรารู้กันอยู่แล้วว่าเดี๋ยวเราจะไปต่อกันที่โรงแรม เรารู้อยู่แล้ว โอ้ยในรถมีคนนั่งอยู่ข้างหน้าด้วย ผมก็คงไม่กล้าหรอก แต่หลังจากนั้นซักพักหนึ่ง ทีนี้น้องเขาจะขึ้นคร่อมผม ไม่ใช่ว่าจะขึ้นคร่อม น้องเขาขึ้นคร่อมผมละ แล้วที่นี้ก็เหมือนจะ … เห็นภาพป่าว ก็จะฟิสเจอร์ริ่งกันอยู่แล้ว แต่ผมบอกไม่ได้ ไม่ได้นี่ไม่ใช่ว่า… คือไม่มีถุงยางในใจผมอะไร คือขอแวะเซเว่นก่อนได้ป่ะ(หัวเราะ) อันนี้ไม่ได้ขำนะ แต่จริงๆ เรื่องมันซีเรียสมาก แต่ผมจะพยายามพูดให้มันดูซอร์ฟมากที่สุด ผมก็เกรงใจน้องเขานะ เขาเป็นผู้หญิง แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น คือมันเกิดขึ้นแบบนี้จริงๆ”
คุณไม่มีจิตสำนึกบ้างเหรอว่าไม่เอา เราไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น ไม่ลงรถกลับบ้าน ?
“ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ ครับ ผมก็อยากจะทำการรีเซิร์ทเหมือนกันนะ ใน 100 คนเจออย่างผมเนี่ย จะมีซักกี่คนที่ไม่ทำอย่างผม อันนี้ผมแค่ยกตัวอย่างนะ อาจจะไม่รู้นะ”
ยอมรับตอนนั้นก็เคลิ้ม ?
“ครับ จริงๆ”
จบจากตรงนั้นคุณตัดสินใจไปก่อน เพราะคิดว่าได้แน่นอน ?
“ผมคิดว่าผมได้แน่นอน”
ไปที่โรงแรม ?
“ยังๆ นี่ยังไม่ได้เขาผับเลยนะ ใช่ไหม ตรงผับนี่ไม่มีอะไรแล้ว พอถึงที่ผับก็มีน้องบางคน บางส่วนที่เขาขอตัวกลับ เพราะบางคนบอกมีธุระตอนเช้า อยู่ต่อไม่ได้แล้วก็โอเคไม่เป็นไรใครอยากกลับก็กลับ ไม่ได้มีการบังคับหน่วงเหนี่ยว ใครจะกลับก็กลับ เพราะโฟกัสผมอยู่ตรงนี้แล้ว คนที่นั่งข้างผม”
จากนั้นไปโรงแรม น้องเขาก็ยอมไปกับคุณ เพื่อ ?
“ครับก็ยอมโดยดี ครับๆ คือผมคิดยังไง ผู้หญิงคงคิดคล้ายๆ ผม อาจจะมีมากกว่า หรือน้อยกว่าก็แล้วแต่ ก็น่าจะไปในทิศทางเดียวกันครับ เพราะเขาไม่มีอาการที่แสดงว่าขัดขืน หรือไม่ยอม หรือเฮ้ยพี่มันไม่ใช่แล้ว มันไม่ใช่การแคสแล้ว ซึ่งอายุกันก็เยอะแล้ว 23-24 คุณน่าจะมีวิจารณญาณนะว่าต่อไปมันน่าจะเกิดอะไรขึ้น มันน่าจะคิดได้”
ระหว่างทางที่ไปคุณได้จอดซื้อถุงยางอนามัย ?
“เยสเซอร์!! ผมบอกเขาซื้อบุหรี่ ก็ซื้อบุหรี่ครับ แถมพวงด้วย(ถุงยางอนามัย) แต่ผมไม่บอกไง(หัวเราะ)”
ไปที่โรงแรมไม่มีการขัดขืนใดๆ คุณเริ่มยังไง ?
“ไม่มีการขัดขืนครับ เดี๋ยวครับ ตอนนี้คุณภามยังไม่ได้กลับมานะครับ (แยกไปส่งน้องอีกคนตอนออกจากผับ) เราอยู่กันที่ห้องตัด ก็ให้น้องดูตัวอย่างหนังที่จัดกันไว้แล้ว ก็คือมีทีมงานที่ตัดหนังกันอยู่มีครับ จากนั้นคุณภามก็กลับมา ก็ประมาณ 15-20 นาทีหลังจากที่ผมถึงโรงแรมแล้ว คุณภามก็บอกว่าเป็นไงหนังโอเคไหม เราไปห้องนี้กัน คือไปอีกห้องที่คุณภามเขาเปิดไว้แล้ว ผมก็ยังอยู่กับน้องที่นั่งข้างผม ไปในห้องนั้นคุณภามก็ไปกับน้องอีกคนที่นั่งข้างคุณภาม พอไปที่ห้องเดี๋ยวต่อไปเราจะทำการแคส ซึ่งตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันไม่ใช่การแคสแน่นอน นี่คือความคิดผมเองนะ ต้องเป็นการที่จะต้องมีอะไรกันแน่นอน”
มีกล้องไหม ?
“ไม่มีกล้องครับ ถ้ามีกล้องก็เท่ากับว่าจะถ่ายหนังเอ็กซ์กันแล้วล่ะครับ”
คุณกะจะสวิงกิ้งกัน 4 คน ?
“ไม่ๆ ผมไม่ได้กะจะสวิงกิ้ง ความคิดผม ผมไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้น คือคุณภามเขาก็บอกว่าไปแคสอีกบทหนึ่ง ให้น้องเขาเล่นเป็นผีสาว ผมเป็นผู้ชายที่เมามาอยากให้น้องเขามาสิง มาสิงผม แต่ตรงนี้ผมไม่ได้ถอดเสิ้อผ้านะ ผมยังใส่เสื้อผ้าปกติ เริ่มจากแอคชั่นก็เริ่มค่อยๆ มา เหมือนเดิม เหมือนตอนที่อยู่ในรถ แต่ตอนนั้นคือสี่คนละมุม ห้องกว้างพอสมควร จากนั้นประมาณ 2 นาที จากที่เริ่มแอคชั่นนะครับ ก็ยังไม่ได้ไปไหนมาก ก็เริ่มแค่ปลดกระดุม ก็มีคนเคาะประตูเสียงดังโวยวายมาก”
ใครเคาะ ?
“นั่นน่ะใคร ต่างคนต่างเลิ่กลั่กเลย ใคร ผู้หญิงก็เหมือนตกใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้น้องผู้หญิงแก้ผ้าหมดแล้วนะ น้องผู้หญิงทั้งคู่แก้ผ้าหมดแล้ว ตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้แก้ผ้า คุณภามก็ยังไม่ได้แก้ แต่ถ้าต่อจากนั้นที่ไม่ได้มีการเคาะประตูผมว่าแก้ น้องผู้หญิงสองคนก็ตกใจ ซึ่งในข่าวบอกว่าน้องเป็นคนโทรศัพท์ หรือเล่นไลน์บอกตลอดเลยว่าอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ดีแล้วให้เข้ามาช่วย ในข่าวบอกผู้ชายพังประตูเข้ามา ตรงนั้นไม่ใช่เพราะว่าระหว่างที่เกิดเหตุตรงนี้ผมก็ไม่เห็นว่ามีใครได้เล่นโทรศัพท์ น้องเขาก็ได้แสดงอาการตกใจด้วยว่าสงสัยแฟนหนูมา”
เรียบเรียงโดย เว็บไซต์ www.dodeden.com