ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

หมอกควันจากอินโดนีเซีย แน่นหนากว่าเดิม ส่งผลให้ประชาชนเริ่มมีอาการแสบตา และหายใจติดขัด สสจ.เตือนผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ เด็ก และผู้สูงอายุ ควรระวังเป็นพิเศษ เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง แนะ ปชช.ทุกคนควรสวมหน้ากากอนามัย ด้านหน่วยงานรัฐเฝ้าติดตามฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง…

EyWwB5WU57MYnKOuXodkY8cRB3VHSbZ5JsBCdo43UxIRo2mswccuVe

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 58 สถานการณ์หมอกควันใน จ.นครศรีธรรมราช หนาแน่น และยังมีกลิ่นเหม็นไหม้โชยตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนแสงแดดไม่สามารถส่องลงมาถึงพื้นดิน ขณะที่ผู้ใช้ยานพาหนะต้องระมัดระวังในการขับขี่ โดยเฉพาะที่สนามบินนครศรีธรรมราช ซึ่งมีเที่ยวบินกว่า 20 เที่ยวบิน ต้องใช้ความระมัดระวังในการขึ้นลง เนื่องจากมีกลุ่มหมอกควันปกคลุมตลอดเวลาเช่นกัน

ขณะที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช มีหมอกควันปกคลุมจนขาวโพลนทั่วโรงพยาบาลเช่นกัน เทือกเขาหลวงที่เคยเขียวขจี ถูกปกคลุมไปด้วยควันไฟป่า ทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลง เนื่องจากอากาศกลายเป็นควันไฟป่าขาวโพลน ส่วนในด้านการจราจรบนถนนสายต่างๆ รถมองเห็นได้ไม่ชัดเจนในระยะ 300 เมตร เนื่องจากถูกปกคลุมไปด้วยควันไฟสีขาวตลอดเส้นทาง รวมทั้งบนภูเขาหลวง

ด้านนายสุนทร ฝอยทอง นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แจ้งเตือนพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง และใช้ผ้าปิดปาก โดยเฉพาะคนไข้โรคหอบหืด โรคระบบทางเดินหายใจ โรคเรื้อรัง รวมทั้งผู้สูงอายุควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากตอนนี้ยังไม่รู้ว่ากลุ่มหมอกควันจะหมดวันไหน จึงควรป้องกันไว้เพื่อไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน

ด้าน พื้นที่ทั้ง 3 อำเภอ ของ จ.ภูเก็ต โดยสังเกตได้จากการมองในระยะไกล เริ่มมอง ภูเขา สิ่งปลูกสร้าง ที่มีความสูงในตัวเมืองภูเก็ตไม่ค่อยชัดเจน ขณะที่การสัญจรบนท้องถนน รถชนิดต่างๆ ยังคงใช้ได้ตามปกติ แต่เริ่มต้องเพิ่มความระมัดระวังการมองในระยะไกลมากขึ้น ส่วนการสัญจรทางทะเล เรือเฟอร์รี่ หรือเรือข้ามระหว่างเกาะ ตลอดจนเรือสปีดโบ๊ท ยังคงให้บริการนักท่องเที่ยวตามปกติ ไม่มีการยกเลิกหรือระงับการให้บริการแต่อย่างใด จนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกประกาศเตือน

ในพื้นที่เมืองกระบี่ มีหมอกควันปกคลุมอย่างหนาแน่น โดยในตัวเมืองกระบี่ที่บริเวณลานปูดำ ถนนอุตรกิจ ต.ปากน้ำ ที่สามารถมองเห็นเขาขนาบน้ำ และยอดเขาวัดถ้ำเสือ ปรากฏว่าสามารถมองเห็นแค่เขาขนาบน้ำ ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร แต่ก็สลัว ขณะเดียวกันในท้องทะเล ทัศนวิสัยการมองเห็นแค่ 1 กม. เท่านั้น เนื่องจากมีหมอกควันปกคลุมอย่างหนาแน่น เบื้องต้น เรือโดยสารที่ท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยว ปากคลองจิหลาด ที่ให้บริการไปยังเกาะพีพี และเกาะลันตา ยังให้บริการตามปกติ ด้าน นายอัฐพร เนื่องอุดม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติ จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ขณะนี้หมอกควันที่เข้าปกคลุม ยังไม่ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบิน ทั้งขึ้นและลงในสนามบินกระบี่ ที่มีประมาณวันละ 40-45 เที่ยวบินทั้งในและต่างประเทศ แต่หากมีหมอกหนาจนไม่สามารถทำการบิน หรือต้องดีเลย์เครื่อง ก็จะประชาสัมพันธ์ให้กับผู้โดยสารทราบต่อไป

ด้าน สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ จ.พัทลุง พบว่าค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน มีค่าระหว่าง 24–185 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ จ.พัทลุง ไม่มีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศอย่างต่อเนื่องของกรมควบคุมมลพิษตั้งอยู่ จึงต้องใช้ข้อมูลคุณภาพอากาศจังหวัดข้างเคียง ได้แก่ จังหวัดสตูล และจังหวัดสงขลา มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน จึงขอแนะนำว่า เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม หรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากอนามัย หรือใช้ผ้าปิดจมูก และขอให้ประชาชนได้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากเกิดอาการเจ็บป่วยควรรีบปรึกษาแพทย์ในทันที

ส่วน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์หมอกควันจากไฟไหม้ป่า ซึ่งครั้งนี้ที่ได้รับผลกระทบเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ต้นกำเนิดของควัน และ กระแสลม ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัย ทางด้านสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 14 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชี้แจงว่า อยู่นอกเหนือการควบคุม โดยพื้นที่ไฟไหม้ป่าในอินโดนีเซียในปีนี้ค่อนข้างกว้าง ทำให้มีควันไฟปริมาณมาก ประกอบกับกระแสลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดขึ้นมาจากทางใต้ ทำให้หมอกควันถูกพัดขึ้นมาตามกระแสลม ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น ทำให้มีอาการแสบจมูกแสบตา และระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะ

เรื่องน่าสนใจ