เรียกได้ว่า “โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร” เป็นโรงพยาบาลที่รัฐบาลให้ความสนใจ ขนาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ได้ติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิด และ กำชับให้เร่งนโยบายเมืองสมุนไพรอย่างรวดเร็วด้วย
รู้ไหม ? ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร บนโล
ทั้งนี้ ทาง อภัยภูเบศร ได้มีการดำเนินการพัฒนาการใช้สมุนไพร และการแพทย์แผนไทย มาตั้งแต่ปี 2526 กิจกรรมของโรงพยาบาลมีตั้งแต่ การรวบรวมข้อมูลด้านสมุนไพร การจัดทำสวนสมุนไพรสาธิต การจัดให้มีการบริการทางการแพทย์แผนไทย การฝึกอบรมบุคลากรด้านสาธารณสุข รวมทั้งนักศึกษาเภสัชและประชาชนทั่วไป
ที่สำคัญมีการพัฒนาการผลิตยาจากสมุนไพร ให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมมีมาตรฐาน จนทำให้สมุนไพรเป็นที่ยอมรับของสังคมในวงกว้าง โรงพยาบาลสามารถผลิตยา และ ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรได้จำนวนมาก
สิ่งที่โรงพยาบาลตระหนักคือ ประเทศไทยต้องซื้อยาจากต่างประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท ทั้งที่โรคหลายโรคสามารถใช้สมุนไพร ภายในประเทศทดแทนได้
เพราะไทยเรามีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีสมุนไพรหลายชนิดนอกเหนือจากจะ ใช้เป็นยาแล้วยังสามารถพัฒนาให้เป็นอาหารเสริมสุขภาพ เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ที่จะใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทยได้
หมอต้อม ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร
โดยมี หมอต้อม ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร เป็นผู้บุกเบิกการพัฒนายาจากสมุนไพรของ รพ. และเติบโตเป็นสมุนไพรอภัยภูเบศรคุณภาพระดับสากลคนไทยรู้จักกันในปัจจุบัน
จากการพัฒนายาสมุนไพรมากว่า 30 ปี ของอภัยภูเบศร ทำให้บทบาทของเภสัชกรได้รับการยอมรับ ในฐานะที่ทำให้ภูมิปัญญาไทยได้กลับมารับใช้สังคมไทยอีกครั้ง ช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศในขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์สมุนไพรและสร้างรายได้ให้กลุ่มเกษตรกรอีกด้วย
ที่ผ่านมาทีมเภสัชกรของโรงพยาบาลได้ทำงานร่วมกับแพทย์ และพยาบาลในการศึกษาวิจัยสมุนไพร รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการใช้ยาจากสมุนไพรที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยในสัปดาห์เภสัชกรรม ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 23 มิถุนายน 2560 นี้ ได้มีกิจกรรมส่งเสริมการใช้ยาจากสมุนไพรที่สมเหตุสมผล เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคจากผลข้างเคียงการใช้ยา
โดยเน้นที่กลุ่มยาสำหรับดูแลกระดูกและข้อ มีพระเอกสำคัญคือ กระดูกไก่ดำหรือขาไก่ดำ สมุนไพรพื้นบ้านที่ชาวบ้านใช้ลดการอักเสบ ฟกช้ำมายาวนาน ปัจจุบันมีการศึกษากลไกการออกฤทธิ์ พบว่าลดอักเสบได้ดีมาก ทางโรงพยาบาลได้นำมาพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบที่ใช้ง่ายคือเป็นสเปรย์ฉีดพ่นบรรเทาอาการปวดอักเสบ
ซึ่งได้มีการติดตามผลการใช้ในผู้ป่วยหลายร้อยราย จากการรวบรวมข้อมูลทางวิชาการ ทำให้แพทย์ในโรงพยาบาลต่างให้การยอมรับและใช้ยาสมุนไพรนี้ทดแทนยาแผนปัจจุบัน โดยทีมเภสัชกรได้ทำความร่วมมือกับแพทย์เพื่อทำวิจัยประสิทธิภาพในการลดการอักเสบและตอกย้ำในความปลอดภัยของภูมิปัญญาบรรพบุรุษ
หมอต้อม ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวถึงงานสัปดาห์เภสัชกรรมว่า “ สภาเภสัชกรรมมีนโยบายพัฒนาเภสัชกรให้มีความรู้ความเข้าใจด้านสมุนไพรเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสมุนไพรไทย เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ทรัพยากรในพื้นที่เพื่อการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม
ในปีนี้เรามีการอบรมประชาชนให้สามารถทำสเปรย์กระดูกไก่ดำใช้เองได้ที่บ้าน ซึ่งจริงๆแล้วองค์ความรู้นี้คนในสมัยก่อนรู้และทำได้ แต่ตอนนี้ความรู้เหล่านี้หายไป พวกเราพี่น้องเภสัชกรเริ่มมาคุยกันว่า เราคงต้องแบ่งให้ชัดเจนว่าสมุนไพรอะไรประชาชนทำใช้ได้เอง อะไรที่เภสัชกรควรทำ และอะไรที่แพทย์แผนไทยต้องทำ
โดยแบ่งตามความเสี่ยงของการใช้สมุนไพร ซึ่งขณะนี้ในส่วนของสมุนไพรที่ประชาชนสามารถทำใช้ได้เองทางสภาเภสัชกรรมกำลังรวบรวมข้อมูล เพื่อเผยแพร่ให้กับประชาชนต่อไป ในงานนอกจากสเปรย์กระดูกไก่ดำแล้ว ยังมีการสาธิตทำน้ำเพชรสังฆาต ช่วยแก้ร้อนใน บำรุงร่างกาย บำรุงกระดูก และให้ความรู้เกี่ยวกับเพชรสังฆาต
งานวิจัยล่าสุด.. เพชรสังฆาตช่วยลดไขมัน-คุมน
ผลการทดสอบ พบว่าเพชรสังฆาตสามารถลดน้ำ
ซึ่งทางโรงพยาบาลกำลังทำการศึกษาวิจัยสมุนไพรชนิดนี้ โดยผลที่ได้เบื้องต้นสอดคล้องกับข้อบ่งชี้ของผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีการแจกต้นสมุนไพรให้ไปปลูกที่บ้าน และการให้คำปรึกษาด้านสมุนไพรและสุขภาพอีกด้วย”
ประชาชนที่สนใจสามารถเดินทางมาร่วม งานสัปดาห์เภสัชกรรมที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในวันที่ 23 มิถุนายน 2560 เวลา 9.00-15.00 น. หรือสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 037-211289 และ 03721108
ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานเพิ่มเติมด้วยว่า โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง ควรใช้ยาสมุนไพร จะทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการใช้ยาสมุนไพรมากขึ้น โดยให้แพทย์ใช้ทดแทน การนำเข้ายาจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยระบบสาธารณสุข ไทยเราพึ่งตนเองได้ในหลายโรค ประชาชนก็จะมีรายได้ และมีฐาน ความรู้เรื่องสมุนไพรในการที่จะพัฒนาต่อในระดับอุตสาหกรรม
อีกทั้งควรส่งเสริมให้โรงพยาบาลในแต่ละจังหวัด สามารถผลิตสมุนไพรหรือช่วยชุมชนในการผลิตสมุนไพรนั้น ทำให้สามารถสร้างงานในพื้นที่ ชุมชนก็จะได้ประโยชน์จากการปลูกสมุนไพรเป็นการเพิ่มรายได้ และในแง่มุมของสุขภาพ ประชาชน สามารถเรียนรู้การใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัวได้จากการเชื่อมโยงกับโรงพยาบาล” นี่คือ นโยบายของรัฐบาลที่กำชับให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการตอนนี้
ชมคลิปความรู้ดีๆ ของ สมุนไพร และการแพทย์แผนไทย
https://www.facebook.com/abhaiherb/videos/1448015451930190/
ยาแก้ปวด..อันตรายกว่าที่คิด
มาทำความรู้จักตัวช่วยชดปวดที่ไม่อันตรายกันดีกว่า…
โดย ภก.นัฐดนัย มุสิกวงศ์ ดำเนินรายการโดย พทป.เบญจวรรณ หมายมั่น