วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556 นพ.สมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าว ว่า ประเทศไทยมีความเป็นเลิศด้านศัลยกรรมตกแต่งความงาม แต่คนไทยกลับไม่เชื่อมั่น กลับไปทำศัลยกรรม ทำตาสองชั้น เสริมจมูก ในต่างประเทศ เช่น ประเทศเกาหลี ในขณะที่แพทย์ไทยบางคนไปอบรมถึงประเทศเกาหลี พอกลับมาก็ตั้งชมรมศัลยกรรมสไตล์เกาหลี ซึ่งเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี เพราะเป็นการโปรโมทให้กับประเทศเกาหลี แทนที่จะโปรโมทให้กับประเทศไทย เพราะประเทศไทยทำเรื่องศัลยกรรมตกแต่งมานานกว่า 50 ปี ทุกคนมีฝีมือไม่ได้ด้อยกว่าชาติอื่น ดีกว่าด้วยซ้ำ อย่างการเสริมจมูก หากทำไปทำที่ประเทศเกาหลีจะต้องไปแก้ที่นั่น แต่ถ้าทำในประเทศไทยก็แก้ไขที่นี่ได้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
ทั้งนี้ นพ.สัมพันธ์ กล่าวด้วยว่า ได้คิดวิธีการเหลาจมูกซิลิโคนเป็นรูปทรงตั๊กแตนโดยใช้เวลา 7 วัน ตอนนี้อยู่ระหว่างจดสิทธิบัตรและขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เนื่องจากเป็นเครื่องมือแพทย์ ทั้งนี้ที่ผ่านมามีการใช้จมูกซิลิโคนที่ออกแบบรูปทรงเองกับผู้ป่วยแล้วไม่มี ปัญหา อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญและวางนโยบายเร่งด่วนเพื่อรองรับการขยาย ตัวของธุรกิจเสริมความงามที่มีช่องทางการเติบโต ด้วยการสนับสนุนธุรกิจสุขภาพและความงามในรูปแบบของทัวร์ศัลยกรรม และร่วมผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางศัลยกรรมของอาเซียน ดังนั้น ในวันที่ 2-3 มีนาคมนี้ จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการแพทย์ด้านศัลยกรรมเพื่อพัฒนาวงการแพทย์ไทยพร้อม ประกาศความพร้อมในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางศัลยกรรมของอาเซียน
ขณะ ที่ พล.ต.ท.นพ.อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ นายกสมาคมศัลยแพทย์และเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่มีทัวร์พาคนไทยไปทำศัลยกรรมนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง ควรมีการทำข้อตกลงกับบริษัททัวร์เป็นลายลักษณ์อักษรว่าหากทำศัลยกรรมความงาม แล้วมีปัญหาต้องดูแลในส่วนนี้ ขอเรียนว่าการทำศัลยกรรมไม่ว่าชนิดใดก็ตามไม่ได้หมายความว่าทำครั้งเดียว แล้วดีเสมอไป อาจจะต้องมีการปรับแก้ไข หากไปทำในต่างประเทศ นอกจากราคาแพงแล้ว เวลามีปัญหาก็ลำบาก ดังนั้นทำในประเทศไทยดีกว่า แพทย์ไทยฝีมือไม่ได้ด้อยกว่าชาติอื่น
ขอบคุณข่าว และภาพ จาก http://women.kapook.com/view57189.html