หลากความรู้เกี่ยวกับยา เรื่องธรรมดาที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะสำหรับการใช้ยา บางครั้งแม้จะได้รับคำแนะนำมาแล้วแต่บางครั้งก็ยังงง ๆ เวลาจะรับประทานยาทีก็นึกที ว่า ยานี้ต้องกินตอนไหนนะ? แล้วถ้าลืมกินยาจะเป็นอะไรไหมนะ ? สารพัดคำถามเกี่ยวกับการใช้ยาที่หลายๆ คนสงสัย เราได้รวบรวมเอามาไว้ที่นี่เเล้วค่ะ !
ตอนไหนถึงเวลาที่ต้องเช็ควันหมดอายุ ?
เหตุผลที่ต้องกำหนดวันหมดอายุของยา เพราะส่วนผสมตัวหลักของยาหมดประสิทธิภาพในการรักษา สารตัวยาอาจเปลี่ยนแปลงถึงขั้นเกิดโทษหรือหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะยาเม็ดคุมกำเนิด จำเป็นต้องเช็ควันหมดอายุเพื่อให้แน่ใจว่ายังมีประสิทธิภาพอยู่เพื่อความปลอดภัยและบรรเทาอาการอย่างเต็มที่ เช็ควันหมดอายุและเคลียร์ออกไปจากตู้ยาซะ
ดื่มยาแก้ไอ จำเป็นต้องเคร่งครัดกับการตวงปริมาณยาไหมนะ ?
แน่นอนค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องกินยาทุกๆ 4-8 ชั่วโมง นาน 4-5 วันติดต่อกัน ควรมีสมาธิเวลากินยา ไม่ว่าจะตวงยาด้วยหลอดฉีดยา ช้อนหรือถ้วย ตลอดจนอ่านข้อบ่งใช้อย่างรอบคอบ ช้อนชาและช้อนโต๊ะ นี่แหล่ะจะทำใหเราสับสนได้ง่ายๆ
เก็บยาเอาไว้ในห้องอาบน้ำได้หรือเปล่า ?
ไม่ควรค่ะ ห้องอาบน้ำนั้นมีความชื้นเหมาะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรีย ยาส่วนใหญ่จำเป็นต้องเก็บไว้ให้ห่างจากแสงแดด อยู่ในที่เย็นหรือในที่มืด ระหว่างอุณหภูมิ 5-25 องศาเซลเซียส แนะนำว่าให้เก็บใส่ภาชนะที่ผนึกแน่นไม่ให้อากาศเข้าได้ อีกไอเดียที่เวิร์ตมาก คือใส่ยาไว้ในภาชนะเดิมของมัน ป้องกันความสับสน
ลืมกินยาไปหนึ่งมื้อ จะกินควบทีเดียว 2 มื้อเลยดีไหม ?
ขึ้นอยู่กับชนิดของยาและความรุนแรงตามอาการป่วย ทางที่ดีควรถามเภสัชกรก่อน สำหรับยาคุมกำเนิดต้องกินภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่ลืม แต่ถ้าเป็นยาบางชนิดอย่างยาต้านการแข็งตัวของเลือด หากกิน 2 เม็ดอาจเป็นอันตรายได้ และบางชนิดก็ไม่ควรกินเมื่อเมื่อนึกได้ แต่ให้กินในมื้อถัดไปแทนและไม่ต้องเพิ่มปริมาณยา
ต้องกลืนยาพร้อมน้ำ 1 แก้วด้วยไหม ?
ไม่จำเป็นค่ะ แต่ถือว่าเป็นไอเดียที่ดีมากทีเดียว น้ำผลไม้บางอย่าง เช่น เกรปฟรุต มีผลต่อการดูดซึมเหมือนกับนม กินยาพร้อมไวน์ก็ไม่เหมาะอย่างยิ่ง เมื่อแอลกฮอลล์กับตัวยารวมกัน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงและลดประสิทธิภาพของยาได้ เพราะฉะนั้นกินยาพร้อมน้ำเปล่านี่แหล่ะค่ะดีที่สุดเเล้ว เพราะยาส่วนมากมักถูกทดสอบกับน้ำเปล่า มันจึงออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่เมื่อกินร่วมกับน้ำเปล่านั่นเอง
……………………………………………………………
และที่สำคัญ มียาหลายตัวที่ทำปฏิกิริยาต่อกัน ซึ่งจะไปเพิ่มหรือลดผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของเราได้ หากเภสัชกรรู้ว่ายาที่เรากำลังกินอยู่ตอนนี้มีผลข้างเคียงต่อร่างกายของเราอย่างไร เขาสามารถเปลี่ยนตัวยาที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าให้เราได้ค่ะ และเราก็ต้องปรึกษาเภสัชกรคนเดียวกันตลอดจะดีที่สุด เพราะเขาทราบประวัติการใช้ยาของเราเป็นอย่างดี
เนื้อหาโดย Dodeden.com