“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระเมตตาต่อ พสกนิกรชาวนาไทย ทรงทุ่มเทพระวรกายบำเพ็ญ พระราชกรณียกิจด้าน การพัฒนาข้าวไทย และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนา ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ เกี่ยวกับข้าวและชาวนามากมาย รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์”
คุณอนุรี อนิลบล กรรมการบริหาร บริษัท เมคอัพเทคนิคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (เอ็มทีไอ) คือ หนึ่งในผู้เห็นความสำคัญข้าวไทยตามรอยเบื้องยุคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ กล่าวว่า ปกติจะไม่ค่อยพิถีพิถันในการเลือกบริโภคข้าว
ส่วนมากเป็นเรื่องอาหารคาวอาหารหวานมากกว่า แต่พอได้มาร่วมโครงการกับกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีพันธกิจคือ เป็นองค์กรชั้นนำในการวิจัยและพัฒนาข้าว เสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตให้บริการที่เป็นเลิศ และสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนาอย่างยั่งยืน
จึงได้มีโอกาสศึกษาข้อมูลเรื่องข้าวไทยมากขึ้น ข้าวนับว่า เป็นพืชที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจไทยมาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน จึงให้ตนเองให้ความสำคัญกับการข้าวไทยมากยิ่งขึ้น
สำหรับการมาร่วมงานกับกรมการข้าวคือ การส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยได้หันมาตระหนักและให้ความสำคัญกับการเลือกบริโภคข้าวกันมากขึ้น
โดยเฉพาะ ข้าวอินทรีย์ หรือ ออร์แกนิคไรซ์ (Organic rice) ที่ใช้หลักเกษตรอินทรีย์คือ การใช้ธรรมชาติบนพื้นที่การเกษตรซึ่งปราศจากสารพิษตกค้าง พร้อมทั้งมีการหลีกเลี่ยงจากปนเปื้อนของสารเคมีทางดิน ทางน้ำ และทางอากาศ ที่ทำให้ได้ผลผลิตสูงและอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร มีสารต้านอนุมูลอิสระ
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของ แคลเซียม เหล็ก วิตามินอี มีความปลอดภัยจากสารพิษ มีต้นทุนการผลิตต่ำ เพื่อเป็นการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน รวมทั้งคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้บริโภคและรักษาสมดุลธรรมชาติ
ทั้งนี้การผลิตข้าวอินทรีย์เป็นระบบการผลิตทางการเกษตรที่เน้นเรื่องของธรรมชาติเป็นสำคัญ ได้แก่ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ การรักษาสมดุลธรรมชาติ การใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ เพื่อการผลิตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙
คุณอนุรี กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลเรื่องข้าวอินทรีย์พบว่า ข้าวอินทรีย์ที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะส่งไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศแถบยุโรป ส่วนที่เหลือจะวางจำหน่ายภายในประเทศ แต่ดูเหมือนว่า จะหาซื้อค่อนข้างยาก เมื่อเปรียบเทียบกับข้าวชนิดอื่น ๆ
ดังนั้นกรมการข้าวจึงจัดให้มีการส่งเสริมการขายและการบริโภคขึ้น อาศัยโซเชี่ยลมีเดียเป็นหลัก โดยอาศัยบุคคลผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่าง ๆ มาช่วยกันประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งจัดให้ผู้ผลิตพบกับผู้บริโภคโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะได้ข้าวที่มั่นใจได้ว่า เป็นข้าวอินทรีย์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม อีกทั้งสนนราคายังย่อมเยากว่าท้องตลาดอีกด้วย สามารถสั่งซื้อได้
“ที่น่าตกใจคือ ข้าวที่เรากินกัน มีบางส่วนที่ใส่สารปนเปื้อน เช่น เมทิลโบรไมด์หรือโบรโมมีเทน ที่มีพิษทำลายปอด สมอง และก่อมะเร็งได้ โดยใช้สำหรับป้องกันและกำจัดศัตรูพืชและสัตว์ จะมีการใช้สารนี้ในการรมควันในดิน พืชไร่ เช่น ข้าว ข้าวโพด ถั่วต่าง ๆ
โดยเมทิลโบรไมด์ยังเป็นสารที่มีผลต่อการทำลายโอโซนอันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนอีกด้วย ดังนั้นจึงอยากให้คนไทยได้เอาใจใส่กับการเลือกบริโภคและซื้อข้าวมากยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ กับเรื่องข้าวและชาวนา ด้วยว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทัยในเรื่องข้าวเป็นอย่างยิ่ง ทรงนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการทำนา เพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของข้าวให้สูงขึ้น ทรงพระโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำแปลงข้าวทดลองขึ้นภายในสวนจิตรลดา เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๔
โดยทรงให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำพันธุ์ข้าวต่าง ๆ มาทดลองปลูกในบริเวณสวนจิตรลดา เมื่อการปลูกข้าวได้ผลดีมาตลอด 10 ปี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงสีข้าวตัวอย่างขึ้นในโครงการเพื่อทดลองสีข้าวและเก็บรักษาข้าว นอกจากนี้ยังได้พระราชทานให้เกษตรกรนำไปปลูกเพื่อขยายพันธุ์ต่อไป รวมทั้งใช้เป็นพันธุ์ข้าวในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญอีกด้วย
นอกจากนี้ทรงมีกระแสพระราชดำรัสเกี่ยวกับเรื่องข้าวและชาวนาไทยไว้อย่างน่าสนใจ ขออันเชิญตัวอย่างกระแสพระดำรัส
“ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ศึกษาการทดลองและทำนามาบ้าง และทราบดีว่าการทำนานั้นมี ความยากลำบากอยู่ มิใช่น้อย จำเป็นจะต้องอาศัยพันธุ์ข้าวที่ดี และต้องใช้วิชาการต่าง ๆ ด้วยจึงจะได้ผลเป็นล่ำเป็นสัน อีกประการหนึ่งที่นานั้น เมื่อสิ้นฤดูทำนาแล้วควรปลูกพืชอื่น ๆ บ้างเพราะ จะเพิ่มรายได้ให้อีกไม่ใช่น้อย ทั้งจะช่วยให้ดินร่วน ช่วยเพิ่มปุ๋ยกากพืช ทำให้ลักษณะเนื้อดินดีขึ้น เหมาะสำหรับจะทำนาในฤดูต่อไป”
พระราชดำรัส พระราชทานแก่ผู้นำกลุ่มชาวนา เมื่อ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๔
จากหนังสือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการพัฒนาข้าวไทย : หน้า ๒
“ข้าวต้องปลูก เพราะอีก ๒๐ ปีประชากรอาจจะ ๘๐ ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อย ๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก”
กระแสพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ.ศ.๒๕๓๖
“ข้าวที่ออกเป็นสีลักษณะนี้เป็นข้าวที่มีประโยชน์ อย่างข้าวกล้องคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยกินกันเพราะเห็นว่าเป็นข้าวของคนจน ข้าวกล้องมีประโยชน์ทำให้ร่างกายแข็งแรงข้าวขาวเม็ดสวยแต่เขาเอาของดีออกไปหมดแล้ว มีคนบอกว่าคนจนกินข้าวกล้อง เรากินข้าวกล้องทุกวัน เรานี่ก็คนจน”
กระแสพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พ.ศ.๒๕๔๑
คุณอนุรียังได้หยิบเอาคำกล่าวว่าของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ว่า ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับข้าวว่าคนไทยต้องมีจิตสำนึกเรื่องข้าว และนำข้าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และทำอย่างไรจึงจะช่วยปกป้องข้าวไทยได้
เพราะสิ่งที่เป็นห่วงขณะนี้คือ เรื่องจิตสำนึกของผู้บริโภคข้าวที่ลดลง ไปเน้นการบริโภคเลียนแบบต่างชาติ ที่กินเร็ว กินด่วน หรือบริโภคข้าวก็เพียงเพื่อให้อิ่มเท่านั้น
โดยไม่ได้คำถึงว่า ข้าว คือ จิตวิญญาณ ที่ผ่านกระบวนการผลิต มาจากการลงแรงของชาวนากลิ่นของข้าวถือว่าหอมที่สุดและหอมแบบธรรมะ เคยทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ทรงโปรดอะไรมากที่สุด พระองค์ตรัสว่า ข้าว เพราะมีกลิ่นหอม และตรัสด้วยว่า ถ้ารับประทานข้าวขอให้นึกถึงชาวนาด้วย เพราะถ้าไม่มีชาวนา เราก็ไม่มีข้าวกิน
“อยากให้คนไทยทุกคนได้เจริญรอยเบื้องยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ไม่เพียงเฉพาะเรื่องข้าวเท่านั้น หากแต่รวมไปถึงทุก ๆ เรื่อง เพื่อเป็นการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้”