อยากลองวิ่งแต่เหนื่อยง่าย แค่ออกเดินก็หอบแฮ่กๆ แล้ว แต่ในใจเราก็ยังอยากดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่ อยากมีกล้ามหน้าท้องลีนๆ อยากให้ต้นขาแข็งแรง ไร้เซลลูไลท์ แบบนี้จะต้องทำอย่างไรดีล่ะ?
ครั้งแรกที่เราออกกําลังหนักสลับเบา เป็นอะไรที่ยากเสมอ แต่ครั้งต่อๆ มาจะเริ่มง่ายขึ้น อัตราการหายใจของคุณไม่ได้ช้าลงหรอก แต่คุณจับจังหวะได้แล้วมากกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากออกซิเจนที่หัวใจและปอด ส่งไปให้ขาไม่เพียงพอกับความต้องการ ซึ่งเป็นภาวะชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อคุณเริ่มวิ่ง ความต้องการออกซิเจนในกล้ามเนื้อจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ร่างกายส่วนที่เหลือยังตอบสนองไม่ทัน ภาวะออกซิเจนไม่สมดุลนี้ ส่งผลให้คุณหายใจเร็วขึ้น รวมทั้งหัวใจเต้นเร็วขึ้นด้วย หนําซ้ำยังสั่งให้หลอดเลือดขยายตัว กระตุ้นการทํางานของเอ็นไซม์แปรรูปออกซิเจนในกล้ามเนื้อ ผลก็คือ ภายใน 2-3 นาที กล้ามเนื้อถึงจะได้รับออกซิเจนเพียงพอนั่นเอง
อาการขาดออกซิเจนชั่วคราวนี้ ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงที่จะคงอยู่เป็นเวลานาน เมื่อร่างกายต้องการพลังงานมาชดเชยภาวะดังกล่าว กล้ามเนื้อจะดึงแหล่งพลังงานแบบไม่ใช้ออกซิเจนออกมา กระบวนการนี้ ทําให้เกิดของเสียจากการเผาผลาญ ซึ่งทําให้กล้ามเนื้ออ่อนล้า และยังบั่นทอนพละกําลังในการวิ่งช่วง ท้ายๆ อีกด้วย ซึ่งสิ่งที่คุณเผาผลาญไปในช่วง 2-3 นาทีแรก จะไม่ได้รับการเติมกลับคืน นอกจากคุณจะลดความเร็วลง
เพื่อรับมือกับภาวะออกซิเจนไม่เพียงพอ การเตรียมร่างกายเพื่อกําจัดความเหนื่อยล้าในช่วงเริ่มวิ่งออกไป จึงเป็นเรื่องสำคัญ ก่อนวิ่งประมาณ 10-20 นาที ให้วอร์มอัพโดยวิ่งเร็วเป็นเวลาสั้นๆ เช่น ระยะ 5 กม. ภายในเวลา 45-60 วินาที ขั้นตอนนี้ จะช่วยกระตุ้นเอ็นไซม์ดังกล่าว และขยายหลอดเลือด มีเวลาให้คุณฟื้นตัวก่อนลงวิ่งจริงๆ
••••••••••••••••••
เพราะฉะนั้นแล้ว อาการหายใจไม่ทัน มักจะเกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มวิ่งไปได้ไม่นานเท่านั้น ก่อนวิ่งลองวอร์มอัพเพื่อเตรียมร่างกายก่อน โดยฝึกวิ่งอย่างหนักเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก็จะช่วยให้อาการหายใจไม่ทันค่อยๆ ลดความหนักลงไปได้เยอะเลยทีเดียวค่ะ
เนื้อหาโดย Dodeden.com