รูปและเนื้อหาโดย : โดดเด่นดอทคอม

ไขมันเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายในฐานะของแหล่งพลังงานที่สำคัญโดยไขมันให้พลังงานถึง 9 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม ซึ่งมากกว่าคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน, ไขมันมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตช่วยในการละลายวิตามินที่มีประโยชน์ต่อกระดูกและร่างกาย (A, D, E)

Depositphotos_35196301_m-2015

ไขมันแบ่งได้เป็นสองประเภทหลักๆ คือไขมันชนิดอิ่มตัวและชนิดไม่อิ่มตัว ตัวอย่างของไขมันชนิดอิ่มตัวได้แก่ เนย ไขมันสัตว์ น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นก้อนเกาะตัวกัน หรือเป็นไขที่อุณหภูมิปรกติ สำหรับไขมันชนิดไม่อิ่มตัวนั้นส่วนใหญ่จะเป็นของเหลวที่อุณหภูมิปรกติและยังแบ่งย่อยได้อีกสองประเภท คือ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated) เช่น น้ำมันมะกอก และน้ำมันจากถั่ว ส่วนไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated) นั้นเช่น น้ำมันคาโนล่าและน้ำมันดอกคำฝอย

ไขมันทรานส์ (trans fat) เป็นไขมันที่ทำจากไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเพื่อให้เป็นไขมันที่คงตัวในอาหารสำเร็จรูป สามารถเก็บไว้ได้นานๆ ชื่อที่เราเห็นบ่อยๆ บนฉลากอาหารก็คือ Hydrogenated oil หรือ Partially hydrogenated oil

ไขมันชนิด Trans fats นี้เป็นอันตรายกับร่างกายเป็นที่สุด เพราะทรานส์หรือไขมันแปลงสภาพนี้ คือ ไขมันอีกประเภทที่เกิดจากกระบวนการแปลงสภาพไขมันจากพืชให้กลายเป็นของแข็ง หรือกึ่งเหลวด้วยการเติมฟองอากาศของไฮโดรเจนลงไปในน้ำมัน พบมากในเนยเทียม (มาการีน) และเนยขาว

จัดเป็นไขมันที่มีอันตรายกับร่างกายสูงกว่าไขมันอิ่มตัวเมื่อเทียบจากหน่วย บริโภคในปริมาณเท่ากันเพราะมีส่วนเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดเลวในร่างกายเช่น เดียวกับไขมันอิ่มตัวอีกทั้งยังไปลดปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดดี ทำให้ผู้บริโภคไขมันประเภทนี้เป็นปริมาณมากจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคเลือด อุดตัน และโรคหัวใจมากขึ้น

Magnifying glass on nutrition facts

ประโยชน์ของไขมันทรานส์

เนื่องจากไขมันทรานส์คือไขมันที่เกิดจากการแปรรูป จึงสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานโดยไม่เหม็นหืน ไม่เป็นไข และสามารถทนความร้อนได้สูง รวมถึงมีรสชาดที่ใกล้เคียงกับไขมันที่มาจากสัตว์ แต่จะมีราคาที่ถูกกว่า บรรดาผู้ประกอบกิจการอาหารต่าง ๆ มักนิยมนำไขมันทรานส์มาใช้ประกอบอาหารมากมาย เช่น กลุ่มอาหารฟาสต์ฟู้ดซึ่งใช้เป็นน้ำมันสำหรับทอดไก่ มันฝรั่ง โดนัท หรือการนำมาใช้ในการประกอบกิจการเบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว ครีมเทียม และวิปปิ้งครีม เป็นต้น

ผลเสียของไขมัน Trans fatty acid จากรายงานที่ผ่านมาพบว่าการรับประทานไขมันชนิดนี้จะทำให้ระดับไขมันเปลี่ยนไป คือ

  1. ระดับไขมัน LDL (ซึ่งเป็นไขมันไม่ดี หากมีสูงจะทำให้หลอดเลือดตีบ) สูง
  2. ระดับไขมัน HDL (ซึ่งเป็นไขมันป้องกันเส้นเลือดตีบ) ต่ำลง
  3. เพิ่มระดับไขมัน Triglyceride ซึ่งเป็นผลเสียต่อสุขภาพ
  4. ทำให้เกิดการอักเสบของผนังหลอดเลือดมีการตีบของหลอดเลือดง่ายขึ้น
  5. เพิ่มปัจจัยเสียงต่อการเกิดโรคหัวใจ
  6. หลายรายงานแนะนำให้ลดอาหารที่มีไขมันพวกนี้

องค์การอนามัยโลก แนะนำว่า เราไม่ควรบริโภคไขมันทรานส์เกินร้อยละ 1 ของพลังงานที่ได้รับในแต่ละวันอย่างไรก็ตามเราไม่สามารถทราบถึงปริมาณไขมัน ชนิดนี้ในอาหารที่บริโภคว่ามีมากน้อยเพียงใด เนื่องจากเมืองไทยยังไม่มีข้อบังคับให้แสดงปริมาณไขมันทรานส์บนฉลากอาหาร เหมือนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีข้อกำจัดปริมาณการใช้ในระดับปลอดภัย ไม่เกิน 0.5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภคอีกด้วย

ดังนั้น ควรเลือกวิธีดูแลตัวเองด้วยการพิถีพิถันเลือกบริโภคอาหารบางประเภทและ อาหารประเภทอื่นที่ใช้เนยเทียม เนยขาวเป็นส่วนผสม หรือบริโภคต่อครั้งในปริมาณน้อย ควบคู่ไปกับการหลีกเลี่ยงน้ำมันใช้ซ้ำ

ข้อมูลจาก : wikipedia, siamhealth, vcharkarn, Bake To Order By Aom

เรื่องน่าสนใจ